แคนนอน ยอมรับอุตสาหกรรมกล้องได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่เชื่อว่าจะสามารถผ่านไปได้ พร้อมบุกตลาดกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมด้วย EOS R5 ที่เป็นรุ่นท็อปรองรับการถ่ายวิดีโอ 8K ส่วน EOS R6 รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K วางขายปลายเดือนกันยายน
สำหรับกล้อง EOS R5 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ CMOS ฟูลเฟรม ความละเอียด 45 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งานทั้งเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์ จนถึงภาพสัตว์ป่า ให้ค่าความไวแสงสูงสุดค่าความไวแสง ISO51200 ขยายได้ถึง ISO10240
ส่วนกล้อง EOS R6 มากับเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ความไวแสง ISO10240 ขยายได้ถึง ISO20400 ทั้ง 2 รุ่นใช้ชิปประมวลผล DIGIC X ช่วยลดสัญญาณรบกวนภาพ ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 20 ภาพต่อวินาที พัฒนาระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF II ทำให้โฟกัสได้เร็วขึ้น
ในส่วนของการถ่ายภาพวิดีโอ EOS R5 รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 8K/30fps ซึ่งสามารถถ่ายแบบไฟล์ RAW ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ส่วน EOS R6 ถ่ายวิดีโอได้ 4K/60fps ทำให้เหมาะกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากขึ้น
ทั้งนี้ ความแตกต่างของกล้องทั้ง 2 รุ่นนอกจากความละเอียดแล้ว EOS R5 จะมีหน้าจอแสดงรายละเอียดการตั้งค่าเพิ่มเติม รองรับการใส่การ์ด 2 ช่องแบบ CF และ SD ในส่วนที่ R6 เป็นปุ่มปรับโหมดการถ่ายภาพแทน พร้อมกับช่องใส่การ์ด SD 2 ช่อง
นอกจากนี้ Canon ยังเปิดตัวเลนส์ RF100-500mm f/4.5-7.1L IS USM ที่มีช่วงซูมกว้างใช้งานได้หลากหลาย พร้อมกับเลนส์ใหม่อีก 3 รุ่น ได้แก่ RF85mm f/2 IS STM, RF600mm f/11 IS STM และ RF800mm f/11 IS STM
ทั้งนี้ EOS R5 วางจำหน่ายเฉพาะบอดี้อยู่ที่ราว 3,499 เหรียญสหรัฐ หรือราว 122,000 บาท ส่วน EOS R6 อยู่ที่ 2,499 เหรียญ หรือราว 78,000 บาท โดยจะวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกันยายน