xs
xsm
sm
md
lg

Apple เตรียมนำซีพียูผลิตเองมาใช้งานกับเครื่องแมค พร้อมสรุปรายละเอียดสำคัญ iOS 14 iPadOS watchOS macOS รุ่นใหม่จากงาน WWDC

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้ว่าในปีนี้แอปเปิล (Apple) จะหันมาจัดงานประนักพัฒนาผ่านช่องทางออนไลน์เป็นปีแรก แต่ข้อมูลที่นำเสนอทั้งระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่จะทยอยเปิดให้ใช้งานกันในปีนี้ กลับเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

เริ่มจากการที่ ทิม คุก ซีอีโอ แอปเปิล ขึ้นเวที พร้อมให้ข้อมูลถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า นอกจากจะเปิดให้นักพัฒนากว่า 23 ล้านคนทั่วโลก ได้รับทราบถึงแนวทางในการพัฒนาแอปพลิเคชันแล้ว ผู้ใช้งานทั่วโลกยังสามารถเข้าถึงข้อมูลระบบปฏิบัติการที่จะเปิดตัวใหม่ไปได้พร้อมๆ กัน

หลังจากนี้ จึงเริ่มเข้าสู่การแนะนำระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่สำหรับทั้ง iPhone iPad Apple Watch Apple TV จนถึงเครื่อง Mac โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้อัปเดตกันในช่วงปลายปีนี้


ทิม ยังให้ข้อมูลอีกว่าปีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ Mac จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 3 ครั้งหลักๆตั้งแต่การใช้งาน PowerPC การปรับระบบปฏิบัติการมาใช้งาน OS X การนำหน่วยประมวลผล Intel มาใช้งาน

มาในปีนี้แอปเปิลจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยการเลือกใช้หน่วยประมวลผลที่พัฒนาขึ้นมาเอง (Apple Silicon) มาใช้งานบนเครื่อง Mac หลังจากเห็นถึงประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลที่พัฒนามาใช้งานทั้งบน iPhone และ iPad มาก่อนหน้านี้


ประกอบกับการที่สามารถออกแบบหน่วยประมวลผลได้เองจะทำให้สามารถพัฒนาซีพียูที่เหมาะสมกับการใช้งานระบบปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด

สำหรับช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่านนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเครื่องมือในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ทันทีตั้งแต่วันนี้โดยทางแอปเปิลจะเปิดให้นักพัฒนาที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโปรแกรมในการนำ Mac Mini ที่ใช้หน่วยประมวลผล A12Z Bionic ไปใช้งานก่อน


ในขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปจะได้เห็นผลิตภัณฑ์แมครุ่นใหม่ที่ใช้หน่วยประมวลผลของ Apple ภายในสิ้นปีนี้และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในเปลี่ยนผ่านราว 2 ปีข้างหน้าโดยปัจจุบันแอปเปิลยังมีผลิตภัณฑ์แมคที่ใช้หน่วยประมวลผลอินเทลเตรียมเปิดตัวอยู่เช่นเะดียวกัน

iOS 14 ปรับการแสดงผลให้ใช้งานง่ายขึ้น


เริ่มจากในส่วนของ Home Screen ที่มีการเพิ่ม App Library มาใช้ในการจัดการแอปพลิเคชันบนหน้าจอ Home Screen โดยจะจัดเรียงตามประเภทของแอปพลิเคชัน และสามารถเลือกปิดหน้าจอที่ไม่ต้องการแสดงได้ด้วย


Widgets ที่มีการปรับการแสดงผลใหม่ เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถเลือกนำ Widgets มาไว้ที่หน้า Home Screen ได้ด้วย หรือจะเลือกใช้เป็น Smart Stack ที่แสดงหน้ารวม Widgets ที่สลับตามช่วงเวลาใช้งานได้


สุดท้ายคือ Picture in Picture ทำให้สามารถเล่นวิดีโอในหน้าต่างเล็กๆ ไปพร้อมกับการใช้งานแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อมๆ กัน โดยผู้ใช้สามารถเลื่อนหน้าต่างวิดีโอไปบนส่วนใดของหน้าจอก็ได้

ต่อด้วย Siri มีการปรับปรุงความสามารถเพิ่มเติม อย่างการใช้ Siri ในการส่งข้อความเสียงหาเพื่อน รวมถึงใช้เป็นตัวช่วยในการแปลภาษา ที่ปัจจุบันรองรับการแปล 11 ภาษาก่อน


ภายใน Message เป็นอีกจุดที่มีการอัปเดตเพิ่มเติมที่น่าสนใจ เพื่อทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น อย่างฟีเจอร์ในการปักหมุดบทสนทนาที่สำคัญ (Pinned Conversation) เพิ่ม Memoji แบบใหม่ให้เลือกรวมถึงยอดนิยมในเวลานี้ Memoji ใส่หน้ากาอนามัย

นอกจากนี้ ภายในการสนทนาแบบกลุ่ม (Groups) ยังเพิ่มฟีเจอร์ให้สื่อสารได้สะดวกขึ้น อย่างการตอบกลับข้อความเพื่อให้สังเกตได้ง่ายขึ้น มีระบบ Mentions ไว้คอยแจ้งเตือนเมื่อมีการพูดถึงในกลุ่ม


Maps ปรับการใช้งานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการเพิ่มวิธีนำทางสำหรับผู้ขี่จักรยาน รวมถึงจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่พัฒนาแผนที่ให้แนะนำเส้นทางที่เหมาะสมในการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าด้วย

สิ่งสำคัญคือ Maps มีการเพิ่มโหมดใหม่อย่างการเลือกเส้นทางในการเดินทางที่หลีกเลี่ยงพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีมลพิษสูง และแนะนำให้ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเพื่อลดการปล่อยมลพิษแทน

App Store เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ App Clips ด้วยการเปิดให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดเล็กไม่เกิน 10 MB เพื่อให้ผู้ใช้งาน iOS สามารถสแกน NFC เพื่อเข้าถึงและเรียกใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอป

เมื่อมี App Clips ขึ้นมา ผู้ใช้สามารถเลือกชำระค่าสินค้า หรือบริการผ่าน ด้วยการชำระเงินผ่าน Apple Pay และล็อกอินใช้งานด้วย Sign in with Apple

iPadOS 14 เสริมประสบการณ์ใช้งานหน้าจอใหญ่


แอปเปิล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาให้รองรับการใช้งานบน iPad โดยเฉพาะมากกว่า 1 ล้านแอป เพื่อให้ประสบการณ์ใช้งานระหว่าง iPad และ iPhone มีความแตกต่างกัน


สำหรับการพัฒนาที่เกิดขึ้นบน iPadOS 14 คือการเพิ่มแถบ Sidebar ในแอปพลิเคชันหลักๆ ไม่ว่าจะเป็น Photos Files Music เพื่อให้ผู้ใช้ทำงานได้สะดวกขึ้น


ปรับการแสดงผลสายเรียกเข้า (Calls) ด้วยการปรับการแจ้งเตือนบน iPad ให้เป็นแถบการแจ้งเตือนแทนที่หน้าจอสายเรียกเข้า ที่ทำให้การทำงานต้องสะดุด


ต่อด้วย การค้นหา (Search) ให้สามารถเรียกใช้งานจากหน้าจอใดก็ได้ รองรับการทำงานแบบ Universal สามารถพิมพ์ชื่อแอปในแถบค้นหาเพื่อเรียกใช้งานแอปพลิเคชันได้ทันที ซึ่งแถบนี้จะเรียนรู้การใช้งานตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ด้วย

Apple Pencil เพิ่มความสามารถของ Scribble เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานบน iPadOS 14 ทำให้สามารถแปลงลายมือที่เขียนจาก Apple Pencil ให้เป็นตัวอักษร หรือใช้ Selection ทำลากแถบข้อความที่เขียนจากลายมือได้

พัฒนาคุณภาพเสียง AirPods Pro


ในส่วนของ AirPods มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้รองรับการสลับใช้งานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบไร้รอยต่อ อย่างเช่นเมื่อเชื่อมต่อฟังเพลงบน iPhone แล้วกดเปิดภาพยนต์บน iPad AirPods จะสลับไปเชื่อมต่อกับ iPad แทนให้แบบอัตโนมัติ

ตามด้วยการพัฒนาระบบเสียงรูปแบบใหม่ Spatial Audio สำหรับ AirPods Pro ที่จะใช้อัลกอริธึมเฉพาะตัวในการจำลองเสียงให้เหมือนนั่งอยู่ในโรงภาพยนต์ที่จะได้รับเสียงแบบรอบทิศทาง

watchOS 7 เพิ่มรูปแบบการออกกำลัง


แอปเปิล มีการเพิ่มฟีเจอร์ Face Sharing แชร์หน้าจอ Apple Watch ให้เพื่อน ในกรณีที่มีแอปฯ ที่ไม่ได้ติดตั้งก็จะขึ้นแนะนำให้ดาวน์โหลดมาติดตั้งได้ทันที โดยสามารถแชร์หน้าจอให้เพื่อนได้ผ่านการกดแชร์บนนาฬิกาได้ทันที ไม่ต้องสั่งงานผ่าน iPhone

ถัดมาคือการเปลี่ยนชื่อแอป Activity ให้กลายเป็น Fitness แทน พร้อมเพิ่มกิจกรรมในการออกกำลังกายอย่าง Dance และการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ๆ


นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการตรวจจับการนอน (Sleep Tracking) ที่มีการปรับปรุงการตรวจจับการนอนไปรวมกับแอปพลิเคชัน Health และเพิ่มการตรวจจับการล้างมืออย่างน้อย 20 วินาที ซึ่งจะสั่นเตือนเมื่อครบเวลาที่กำหนด

macOS 11 Big Sur ปรับดีไซน์ครั้งใหญ่


สุดท้ายคือระบบปฏิบัติการ macOS ในชื่อ Big Sur ที่มีการปรับการออกแบบใหม่ อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยทางแอปเปิล ระบุว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้งาน OS X

ไล่ตั้งแต่การปรับหน้าจอแสดงผลแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดตั้งมาให้ในเครื่องให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น มีการเพิ่ม Control Center ในการจัดการตั้งค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ


แถบ Notifications ได้ผสมผสาน Widgets เข้ามาให้เลือกใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มความสามาถของ Messgenger ให้รองรับการค้นหาข้อความ ตัวเลือกการแชร์รูปภาพแบบใหม่ มี Memoji ให้เลือกใช้งาน

ตามด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ให้ Maps บนเครื่อง Mac ด้วยการเพิ่มตำแหน่งที่ใช้งานประจำให้กดดูได้ทันที รวมถึงการแสดงผลข้อมูลเช่นเดียวกับบน iOS 14 โดยทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากการนำ Mac Catalyst ที่ช่วยให้ Mac สามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชันที่พัฒนาสำหรับ iOS และ iPadOS มาใช้งานได้


ต่อด้วยเว็บเบราว์เซอร์อย่าง Safari ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้วยการเพิ่มแถบแจ้งเตือนว่าแต่ละเว็บมีการเก็บข้อมูลอะไรไปบ้าง และเปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพพื้นหลัง รองรับการแปลภาษาบนหน้าเว็บไซต์ได้ทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น