โชว์พลังรัฐวิสาหกิจ ‘ทีโอที-กสท โทรคมนาคม’ ร่วมใจสนองนโยบายกระทรวงดีอีเอส ลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนช่วงโควิด ให้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านฟรี 3 เดือน ส่งแพ็กเกจพิเศษ ‘เน็ตอยู่บ้าน’ ความเร็ว 100/50 Mbps พร้อมลดราคาหลังหมดโปรโมชันใช้ฟรี ตามสัญญาใช้งาน 12 เดือนเหลือเพียง 390 บาทต่อเดือน อวดศักยภาพในการทำงานร่วมกันปูทางสู่อนา คาตควบรวมเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ
***จับมือเป็นหนึ่งฟรีค่าบริการ
หลังจาก 2 รัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้เดินหน้าตอบสนองนโยบายรัฐบาลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไปแล้ว ภายใต้ความร่วมมือสองโครงการ คือ โครงการแรกเป็นการให้อินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ 10 GB เป็นเวลา 30 วัน ซึ่งมีลูกค้าทีโอทีขอใช้สิทธิ์ จำนวน 4,580 เลขหมายขณะที่ลูกค้ากสท โทรคมนาคมใช้สิทธิ์ จำนวน 164,674 เลขหมายส่วนโครงการที่สองเป็นการให้สิทธิ์ลูกค้าโทรฟรี 100 นาทีเป็นเวลา 45 วัน โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถกดรับสิทธิ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 15 พ.ค. 2563 ไปแล้วนั้นล่าสุดทั้งสองหน่วยงานยังได้จับมือกันเปิดบริการแพ็กเกจพิเศษ“เน็ตอยู่บ้าน”ความเร็ว 100/50 Mbps ฟรี 3 เดือน พร้อมลดราคาหลังหมดโปรโมชันใช้ฟรีเหลือเพียง 390 บาท ต่อเดือน เพื่อต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนที่ต้องทำงานอยู่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) ในช่วงสถานการณ์โควิด -19
***ตอบโจทย์ทำงาน-เรียน อยู่บ้าน
"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า จากนโยบาย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้หน่วยงานภาครัฐร่วมกันดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนด้านต่างๆ แก่ประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงดีอีเอส ได้เร่งพิจารณาแนวทางช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ด้วยมาตรการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ล่าสุดได้ร่วมมือกับ ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม สนับสนุนบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ประจำที่ (Fixed Broadband) แพ็กเกจ ‘เน็ตอยู่บ้าน’ ความเร็ว 100/50 Mbps สำหรับประชาชนที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยจะติดตั้งและให้บริการแก่ประชาชนฟรีเป็นระยะเวลา 3 เดือน
ทั้งนี้ กระทรวงดีอีเอสคำนึงถึงการรองรับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบไปอีกระยะหนึ่งโดยประชาชนที่ยังคงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบ้านจึงมีความจำเป็นโดยนอกจากรองรับการทำงานที่บ้าน (WFH) ยังรวมถึงกลุ่มนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากที่ยังไม่สามารถไปเรียนตามปกติได้จะต้องเรียนออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยการเรียนการสอนออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบอาจจะมีการใช้อินเทอร์เน็ตของกลุ่มนักศึกษาทั้งหมดที่เข้าสู่ระบบในเวลาเดียว กันในช่วงเวลาพร้อมกัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้แบนด์วิดท์สูงและต้องการความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สูง มากดังนั้นโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐานของประเทศ รวมถึงศักยภาพของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้อินเทอร์ เน็ตเพื่อการเรียนที่บ้านให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี
ทั้งนี้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์คุณภาพความเร็วสูงบนศักยภาพโครงข่ายดิจิทัลพื้นฐานของประเทศจาก กสท โทรคมนาคม และ ทีโอที จะสามารถสนับสนุนการใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันของประชาชนในการติดต่อสื่อสาร การเรียนและทำงานผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 3 เดือนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเป็นอีกหนึ่งมาตรการของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนอำนวยความสะดวกและลดภาระ ค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยสอดคล้องกับการขยายระยะเวลาบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ถึงวันที่ 31 พ.ค.2563
พุทธิพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าคนทำงานส่วนใหญ่ในเวลาปกติทำงานและใช้อินเทอร์เน็ตที่ทำงาน ส่วนที่บ้านมีการใช้งานน้อย จึงเน้นการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือเป็นหลัก แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ขึ้น เชื่อว่าหลายคนยังไม่มีอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่รองรับการทำงานที่บ้าน ดังนั้น แพ็กเกจ ‘เน็ตอยู่บ้าน’ จะช่วยประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายได้มาก นอกจากฟรี 3 เดือนแล้ว หลังจากนั้นกระทรวงดีอีเอสจะมีการประเมินอีกครั้งหนึ่งว่าสถานการณ์คลี่คลายหรือยัง อาจจะขยายระยะเวลาการให้บริการออกไปอีก
สำหรับผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ในประเทศโดยรวมมีประมาณ 9.7 ล้านครัวเรือนแบ่งเป็นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 3.8 ล้านครัวเรือน, บริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB จำนวน 3.1 ล้านครัวเรือน ทีโอทีจำนวน 1.5 ล้านครัวเรือน, เอไอเอส ไฟเบอร์ ของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เอไอเอส 1.1 ล้านครัวเรือน และ กสท โทรคมนาคม จำนวน 2 แสนครัวเรือน
เบื้องต้นจึงได้จัดเตรียมอุปกรณ์ เพื่อรองรับความต้องประชาชนไว้จำนวน 100,000 ราย แต่หากสถานการณ์ดีขึ้น ราคาที่คิดก็เป็นราคา ที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปมาก เพราะจะคิดในราคาเพียง 390 บาท ต่อเดือน ฟรีค่าใช้จ่ายแรกเข้าและค่าติดตั้ง หากใช้ครบตามระยะสัญญา 12 เดือน ซึ่งคนกลุ่มที่จะได้รับสิทธิ์นั้นใช้ได้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีบรอดแบนด์ที่บ้านมากกว่า เพราะลูกค้าเก่าต่างก็มีแพ็กเกจที่เหมาะกับตนเองในการใช้งานอยู่แล้ว
‘การที่ทั้ง 2 หน่วยงานมีแนวทางช่วยเหลือโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมดังกล่าว ถือเป็นการปูทางสู่การควบรวมกิจการเป็นบริษัท โทรคมนาคม แห่งชาติ จำกัด หรือเอ็นทีในอนาคตโดยจะนำมาซึ่งประโยชน์ของทั้ง 2 หน่วยงาน และความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งนี้ได้มีการประสานไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอกชนรายอื่นๆ เพื่อขอการสนับสนุนแบบเดียวนี้เหมือนกัน แต่เอกชนไม่สามารถทำได้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ซึ่งเขาก็บอกตามตรงว่าไม่ไหวเหมือนกัน’
***หน้าที่รัฐวิสาหกิจเพื่อประชาชน
พิพัฒน์ ขันธ์ทอง กรรมการและ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า แพ็กเกจนี้ฟรีค่าติดตั้ง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับนักเรียน กลุ่มชุมชน ประชาชนในต่างจังหวัดรวมถึงกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ประชาชนที่สนใจสามารถสมัครรับสิทธิ์แพ็กเกจดังกล่าวได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ก.ค.63 ที่สำนักงานบริการลูกค้า CAT และ TOT, ช่องทางออนไลน์เว็บไซต์ www.CinternetBYCAT.com Facebook : CinternetBYCAT และ www.tot.co.th หรือสอบถามที่ CAT Contact Center 1322 และ TOT Contact Center 1100
ด้าน พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า แม้กสท โทรคมนาคมจะไม่ใช่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ แต่กสท โทรคมนาคมคือรัฐวิสาหกิจ ที่จำเป็นต้องให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ประชาชน ซึ่งในแนวทางช่วยเหลือโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมดังกล่าวทั้งกสท โทรคมนาคม และทีโอที มีความพร้อมโดยมี เครือข่าย ที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ แม้แพ็กเกจที่ออกมาดูไม่แรงแต่เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆได้ ส่วนอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ 100,000 ชุดนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ทั้ง 2 บริษัทมีพร้อมให้บริการลูกค้าทันที โดยไม่ต้องรอกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายหลัง ที่ต้องใช้เวลาตามกระบวนการ ดังนั้นเมื่อลูกค้าร้องขอทีมของเราไม่ว่าจะขอมาทาง กสท โทรคมนาคมหรือ ทีโอที เราก็พร้อมให้บริการได้ทันที
เมื่อการช่วยเหลือเน็ตมือถือฟรี 10 GB หมด แพ็กเกจนี้ ก็จะเป็นการให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง ซึ่งหากถามเอกชนก็คงจะทำแบบนี้ไม่ได้ แต่เป็นเพราะทั้ง 2 บริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชานตามนโยบายรัฐอยู่แล้ว จึงสามารถทำได้ และยิ่งหากอนาคตทั้ง 2 บริษัท กลายเป็นหนึ่งเดียว ก็จะยิ่งกลายเป็นบริษัทโทรคมนาคมที่เป็นความหวังและที่พึ่งของประชาชนได้ในภายหลัง