xs
xsm
sm
md
lg

GARMIN ชวนคนไทยใช้ฟังก์ชันลดเครียด ปรับพฤติกรรม-เพิ่มภูมิคุ้มกันสู้ COVID-19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไกรรพ เหลืองอุทัย
สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้รัฐบาลไทยออกมาตรการให้ประชาชนงดออกนอกบ้าน แต่การกักตัวเองที่บ้านและการทำงานจากบ้านหรือ Work from home อาจส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม และเสี่ยงเกิดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งการรับประทานอาหารที่ปริมาณมากกว่าปกติ และการละเลยการออกกำลังกาย ปัญหานี้ทำให้ บริษัท จีไอเอส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทวอทช์ “การ์มิน” (GARMIN) ประกาศแนะนำการปรับพฤติกรรมเพิ่มภูมิคุ้มกันสู้ COVID-19 ด้วยฟังก์ชัน All-day Stress ซึ่งสามารถเช็กความเครียด ร่วมกับหลายฟังก์ชันที่สามารถบันทึกการเคลื่อนไหวร่างกาย และวัดการเผาผลาญพลังงานแคลลอรี่ นำไปสู่การดูแลตัวเองเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจพร้อมสู้ไวรัส COVID-19

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัท ซีดีจี (CDG) ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยของบริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยขณะนี้บริษัทหลายแห่งมีนโยบายให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from home) เพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อและแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม จนเกิดเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ บริษัทจึงอยากแนะนำฟังก์ชันใน GARMIN สมาร์ทวอทช์ อีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในช่วงการระบาดของไวรัส COVID-19 นี้

“ฟังก์ชันที่ส่งเสริมกิจกรรมในชีวิตประจำวันใน GARMIN สมาร์ทวอทช์ เป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่มีอยู่ในนาฬิกา GARMIN เกือบทุกรุ่นในปัจจุบัน โดยสามารถเลือกใช้งาน All-day Stress เช็กความเครียดโดยวัดจากค่าความแปรปรวนของอัตราการเต้นหัวใจ (Heart Rate Variability) ระบบจะทำการอ่านข้อมูล HRV และแปลค่าออกมาเป็นค่าความตึงเครียด แบ่งช่วงคะแนนออกเป็น 0 - 100 เพื่อเข้าใจได้ง่าย"


ขณะที่ฟังก์ชัน Activity Tracker บันทึกการเคลื่อนไหวร่างกาย ทั้งการเดิน การขึ้นบันได และนำข้อมูลไปเป็นปัจจัยคำนวณอัตราการเผาผลาญพลังงานแคลอรี่ สามารถแยกข้อมูลเป็น 2 ส่วนได้แก่ Resting Calories คำนวณตามอัตราความต้องการเผาผลาญพลังงานของร่างกายในชีวิตประจำวัน หรือค่า BMR (Basal Metabolic Rate) แม้แค่นั่ง ๆ นอน ๆ และ Active Calories ที่จะคำนวณจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ยิ่งเคลื่อนไหวมากจำนวนการเผาผลาญแคลฯ ในส่วนนี้จะยิ่งสูง แสดงให้เห็นว่าในวันนั้นผู้ใช้มีการเคลื่อนไหวของร่างกายเยอะมากแค่ไหน ซึ่งการวัด Calories Burned จำเป็นต้องมีข้อมูลความถี่ในการออกกำลังกาย (Activity Level) และข้อมูลความเข้มข้นในการออกกำลังกาย (Intensity Level) ช่วยให้การคำนวณหา BMR แม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในการดูแลร่างกายเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง GARMIN สมาร์ทวอทช์ ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน ผ่านฟังก์ชัน Drinking in a day โดยการดื่มน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อกระบวนการทำงานภายในร่างกาย เช่น การล้างสารพิษออกจากอวัยวะ หรือการนำสารอาหารและออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ซึ่งสำหรับบางคนการดื่มน้ำ 8 แก้ว ต่อวัน อาจน้อยเกินไป บางคนอาจมากเกินไป ฟังก์ชันนี้จึงพัฒนาขึ้นเพื่อการคำนวณปริมาณการดื่นน้ำที่เหมาะกับร่างกายของผู้ใช้แต่ละคน


นายไกรรพ กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์ช่วงนี้ ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายคือการพักผ่อนอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ GARMIN จึงพัฒนาฟังก์ชัน Wellness and Advanced Sleep Monitoring ที่ช่วยดูแลในเรื่องของการนอนหลับที่มีคุณภาพ วงจรครบสมบูรณ์ เป็นการนอนที่มี 3 ช่วง (3 Stage) ได้แก่ Light Sleep หรือหลับตื้น ร่างกายจะค่อย ๆ คลายตัว และผ่อนคลายลง Deep Sleep หรือหลับลึก ร่างกายจะหยุดนิ่งไม่ขยับ อัตราการเต้นหัวใจ และอัตราการหายใจจะลดต่ำลง เป็นช่วงที่ฟื้นฟูร่างกาย และภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด และ REM Sleep (Rapid Eye Movement) หรือช่วงที่ฝัน ในช่วงนี้สมองจะทำงานในขณะที่นอนหลับ มีส่วนสำคัญในด้านระบบความจำ เพราะฉะนั้นในการนอนหลับ 1 คืน ควรจะมีทั้ง 3 ช่วง เพื่อให้ร่างกายสุขภาพดี และมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่สถานการณ์ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญในการรับมือที่ดีที่สุด นอกเหนือจากการดูแลตัวเอง นั่นคือ การมีสติ และไม่ทำให้ความกังวลลุกลามเกิดเป็นผลเสียที่ทำร้ายทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ยังรวมไปถึงการเลือกรับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น หน่วยงานรัฐบาล หรือหน่วยงานด้านสาธารณสุข การดูแลเรื่องความสะอาดทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน และร่างกาย ควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการสุ่มเสี่ยง รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารสุขอย่างเคร่งครัด

ล่าสุด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการให้ประชาชนงดออกนอกสถานที่ด้วยแคมเปญ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และจะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563


กำลังโหลดความคิดเห็น