กสทช. แจงผลรับมอบโครงการเน็ตชายขอบทีโอทีก่อสร้างอาคาร USO Net ได้แค่ 9 แห่ง จาก 371 แห่ง ขณะที่ไฟเบอร์ ออปติก ผิดสเปก รับมอบและจ่ายเงินให้ไม่ได้ รวมทั้งทีโอทีจะชวดค่าบำรุงรักษา 5 ปี แต่กสทช. ต้องใช้บริการได้เพื่อไม่ให้กระทบภาพรวมโครงการ
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงผลการตรวจรับโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ (โซนซี+) ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่ชนะการประมูลประกวดราคา 3 สัญญาวงเงินรวม 6,486,399,926 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่ไม่สามารถส่งมอบได้ทัน อันเป็นที่มาทำให้กสทช.แจ้งยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการตรวจรับสามารถรับงานอาคาร USO Net ได้เพียง 9 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 100-200 ล้านบาท จากทั้งหมด 371 แห่ง เท่านั้น
เนื่องจากกระบวนการสร้างอาคารผิดเงื่อนไขตามที่สัญญากำหนด ทำให้คณะกรรมการตรวจรับงานต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าแต่ละศูนย์นั้นต้องดำเนินการเพิ่มเติมอย่างไรบ้างก่อนที่จะเปิดให้เอกชนรายใหม่เข้ามาประมูลและสร้างส่วนที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ โครงการเน็ตชายขอบ 3 สัญญาของทีโอที ประกอบด้วย 1.โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคเหนือ 2 มูลค่าโครงการ 2,103,800,000 บาท 2.โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมูลค่าโครงการ 2,492,599,999 บาท ส่วนโครงการที่ 3 โครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) มูลค่าโครงการ 1,899,999,927 บาท นั้นสามารถส่งมอบงานได้
แต่พบว่านอกจากโครงการที่ 1 และ 2 ที่ไม่สามารถสร้างศูนย์ USO Net ได้ตามเงื่อนไขสัญญาแล้ว ไฟเบอร์ ออปติกในโครงการดังกล่าวยังผิดสเปกเพราะนำเข้ามาจากผู้ผลิตประเทศจีน ไม่ใช่ผู้ผลิตภายในประเทศเหมือนที่สัญญากำหนด ไว้ ซึ่งกสทช.ยืนยันว่าจะไม่ตรวจรับสายไฟเบอร์ที่ผิดสเปกมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท รวมถึงไม่จ่ายค่าบำรุงรักษาโครงข่ายรายปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี ให้กับ ทีโอทีด้วย
“ทีโอที ไม่สามารถรื้อสายไฟเบอร์ออกไปจากโครงการได้ เพื่อให้กสทช. สามารถเปิดให้บริการฟรีไวไฟและการนำสัญญาณไปเชื่อมต่อกับโครงการสัญญาณโทรศัพท์มือถือของเอกชนรายอื่นที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อไฟเบอร์ด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้งานได้”
นายฐากร กล่าวต่อว่า เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จากนี้ กสทช.ต้องดำเนินการแก้ไขสัญญาระหว่างกสทช.และทีโอที เพื่อไม่ให้มีปัญหาฟ้องร้องกันภายหลังว่าพื้นที่ไหนและอุปกรณ์ส่วนใหนบ้างที่รับได้ เพื่อดำเนินการมอบเงินค่าจ้างให้ทีโอทีต่อไป ซึ่งต้องหักค่าปรับการส่งมอบงานล่าช้าจำนวนกว่า 800 ล้านบาท ออกมาด้วย โดยขณะนี้กสทช.ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป เพื่อให้ทุกโครงการสามารถเปิดบริการได้ในเดือน ม.ค. 2563 ส่วนงานที่ไม่เสร็จก็จะเร่งเปิดประมูลครั้งใหม่ให้เร็วที่สุดภายในเดือน เม.ย. 2563