1 ปีหลังจากการประกาศมาตรฐาน 5G ครั้งแรก วันนี้โนเกีย (Nokia) ประกาศจดสิทธิบัตรตระกูล 5G กว่า 2,000 ฉบับ ตีตื้นภาพความเป็นผู้นำของ Nokia ในการพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G ระบุ Nokia ลงทุนวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องเพื่อเสริมแกร่งให้พอร์ตสิทธิบัตรของ Nokia ครอบคลุมและแข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม
มาร์คัส เวลดอน ประธานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของโนเกียกล่าวว่านวัตกรรมเทคโนโลยีและการวิจัยและพัฒนาของโนเกียได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อของโลกในทุกคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงของระบบดิจิตอล นักวิจัยชั้นนำระดับโลกของบริษัททำให้โนเกียสามารถสร้างหนึ่งในพอร์ตสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งที่สุดของอุตสาหกรรม
“ในขณะที่ทีมมาตรฐาน 5G ของเราเป็นผู้นำที่สำคัญในกระบวนการมาตรฐาน 3GPP เราเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมเซลลูลาร์ซึ่งได้วางรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดในวันนี้ และยังคงเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีที่มีอิทธิพล อาทิเช่น MIMO, massive MIMO, เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ mmWave, การปรับและการเข้ารหัสขั้นสูงและ mobile edge computing เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่คิดค้นโดย Nokia Bell Labs ยังคงเป็นผู้นำของโลกอย่างต่อเนื่องในยุค 5G”
ในจดหมายประชาสัมพันธ์ระบุว่า โนเกียประกาศจดสิทธิบัตรกว่า 2,000 ตระกูลแก่องค์กรกำหนดมาตรฐานโทรคมนาคมของยุโรป (European Telecommunications Standards Institute หรือ ETSI) ตามมาตรฐานของ 5G โดยกระบวนการตั้งมาตรฐาน 5G จัดการโดยองค์กรที่เรียกว่า 3GPP ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของ 7 องค์กรพัฒนามาตรฐาน ซึ่งรวมถึง ETSI ด้วย
“3GPP ได้พัฒนาข้อกำหนดทางเทคนิคสำหรับการสื่อสาร 5G โดยเลือกเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากหลากหลายนวัตกร ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานที่ตั้งจากกระบวนการนี้จะสามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตรายอื่นได้ เป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภค” โนเกียระบุ “ด้วยการขับเคลื่อนโดยสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกจากโนเกีย รวมถึง Nokia Bell Labs โนเกียมีบทบาทนำในการสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับ 5G โดยทำงานร่วมกับ 3GPP เพื่อสร้างมาตรฐาน 5G และวางเครือข่าย 5G โนเกียมีบทบาทสำคัญในการผลักดันมาตรฐาน 5G ที่ใช้งานร่วมกันได้ทั่วโลกเป็นครั้งแรกให้เสร็จสมบูรณ์ด้วย 3GPP Release 15 และปัจจุบันได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนามาตรฐานชุดต่อไป (Release 16) ด้วยนวัตกรรมการวิจัยและความเป็นผู้นำมาตรฐาน โนเกียสร้างความมั่นใจว่ามาตรฐาน 5G จะใช้งานง่ายซึ่งจะช่วยให้การเริ่มต้นการใช้งานในช่วงแรกเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
การมีส่วนร่วมของโนเกียในด้านนวัตกรรมและมาตรฐานนี้เกิดขึ้นในยุคที่ 5G กำลังหยั่งรากอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้ได้รับผลประโยชน์กลุ่มแรกจะเป็นผู้บริโภค ต่อไปเมื่อเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมเครือข่ายมีการพัฒนามากขึ้น ผลประโยชน์จะมุ่งไปยังองค์กรธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยเครือข่าย 5G แบบ end-to-end ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่
สำหรับตระกูลสิทธิบัตรลำดับที่ 2,000 ของโนเกียประกาศสำหรับ 5G ประกอบด้วยสิทธิบัตร US9,338,785B2 และสิทธิบัตรยุโรป EP2848055B1 ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่จัดสรรทรัพยากรเครือข่ายสำหรับสมาร์ทโฟน อุปกรณ์อุตสาหกรรม และอุปกรณ์อื่นๆที่มีความสามารถและความคาดหวังที่แตกต่างกันให้ได้รับบริการต่างๆได้เร็วขึ้นด้วยการรับส่งข้อมูลที่ความหน่วง (latency) ที่สั้นลงได้ปริมาณงานที่สูงขึ้นและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ทีมผู้ประดิษฐ์นี้ประจำอยู่ที่ Nokia Bell Labs ในเมืองอัลบอร์ก ประเทศเดนมาร์ก
ด้วยการแถลงการณ์ครั้งล่าสุด กลุ่มสิทธิบัตรที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเซลลูลาร์ของโนเกีย (Standard Essential Patents - SEPs) มีคุณลักษณะตรงกับอย่างน้อยหนึ่งมาตรฐานของ 2G, 3G, 4G และ 5G ที่ครอบคลุมมากกว่า 2,700 ตระกูลสิทธิบัตร กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของโนเกีย (Nokia Technologies) บริหารและออกใบอนุญาตสิทธิบัตรของโนเกีย ที่มีผู้ถือใบอนุญาตกว่า 150 ราย ในจำนวนนี้รวมไปถึงผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายหลักเกือบทั้งหมด
ด้านเจนนี่ ลูคานเดอร์ ประธานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีของโนเกียกล่าวว่าโนเกียเข้าใจถึงความสำคัญของมาตรฐานแบบเปิดซึ่งทำให้ผู้อื่นสามารถต่อยอดจากนวัตกรรมของบริษัท และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้คนทั่วโลก
“การออกใบอนุญาต (licensing) จะทำให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมของโนเกียที่จะทำให้โลกที่เชื่อมต่อกันได้มากขึ้น”
