อินเทล (Intel) อัดฉีดตลาดพีซีครั้งใหญ่รับปลายปี เปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ “อินเทล คอร์ เจนเนอเรชั่น 10” (10th Gen Intel Core) ประเดิมในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 31 รุ่นจาก 6 ค่ายพีซีเจ้าตลาดไทย วางเป้าหมายที่คอนซูเมอร์ทั่วไปถึงระดับคอเกมซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตเด่นที่สุด รองลงมาเป็นครีเอเตอร์และกลุ่มธุรกิจ ขีดราคาสบายกระเป๋าตอบโจทย์วงกว้างเริ่มที่ 13,900 บาท
ซานโดช วิศวะนาธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เชื่อว่าโปรเซสเซอร์ใหม่ Intel Core เจนเนอเรชัน 10 จะเป็นที่สนใจของผู้เล่นเกม ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของผู้ใช้พีซีในไทย เพราะมีประสิทธิภาพด้านกราฟฟิกดีขึ้น 2 เท่า เล่นเกมละเอียด 1080p ได้ ขณะเดียวกันก็หวังเจาะตลาดครีเอเตอร์ผู้สร้างคอนเทนต์ เนื่องจากรองรับการตัดต่อวิดีโอ 4K และใส่ฟิลเตอร์วิดีโอได้เร็ว ขณะเดียวกันก็ประมวลผลภาพถ่ายความละเอียดสูงได้ทุกที่ทุกเวลา
“การเป็นชิปรุ่นใหม่ไม่ได้แปลว่าจะต้องตั้งราคาให้แพงขึ้น เพราะนวัตกรรมไม่เกี่ยวกับการเพิ่มราคา แต่เป็นพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ใน segment ที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดจากกรณีที่อุปกรณ์ในปัจจุบันมีความบางลง ดีไซน์ดีขึ้น แต่ราคาเท่าเดิม”
สำหรับแล็ปท็อปที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ Intel Core เจนเนอเรชัน 10 จะมีราคาเริ่มต้นราว 13,900 บาทโดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศไทย 31 รุ่นจากปัจจุบันที่มี 120 รุ่นวางตลาดในทั่วโลก ระดับราคานี้แสดงว่าชิปใหม่ของ Intel ต้องการเจาะตลาดในวงกว้าง ในจำนวนนี้ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์พกพาและคอมพิวเตอร์ออลอินวัน (all in one) เป้าหมายหลักคือกลุ่มคอนซูเมอร์ทั่วไปซึ่งรวมกลุ่มผู้เล่นเกมด้วย โดยปัจจุบัน Intel ไม่แบ่งกลุ่มเป้าหมายตามอายุ แต่แบ่งกลุ่มเป้าหมายตามการใช้งาน
ในเชิงเทคนิก Intel Core เจนเนอเรชัน 10 จะแบ่งออกเป็น 2 แพลตฟอร์มคือ Ice Lake และ Comet Lake จุดยืนของ Ice Lake คือการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาสู่เครื่องพีซี รองรับซอฟต์แวร์ AI ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ทั้งด้านการทำงานและไลฟ์สไตล์ เช่น ซอฟต์แวร์ตัดเสียงรบรบกวนเมื่อต้องทำงานนอกสำนักงาน ทำให้สามารถประชุมได้สงบโดยไม่มีเสียงนกร้อง หมาเห่า หรือเสียงเด็กร้อง หรือเทคโนโลยี DL Boost ที่ช่วยปรับความคมชัดภาพถ่ายด้วยการกดปุ่มคลิกเดียว ซอฟต์แวร์เหล่านี้จะเปิดให้ดาวน์โหลดหรืออาจติดตั้งมาพร้อมคอมพิวเตอร์ชิป Intel Core เจนเนอเรชัน 10 บางยี่ห้อ โดย Ice Lake ผลิตด้วยเทคโนโลยี 10 นาโนเมตร ถูกการันตีว่าจะทำให้สมาร์ทพีซีที่เพิ่มซอฟต์แวร์ AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบ Intel Core เจนเนอเรชัน 9
ขณะที่ Comet Lake จะรองรับงานหนักเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม รองรับกลุ่มโน้ตบุ๊กบางเบาเพราะผลิตที่เทคโนโลยีขนาด 14 นาโนเมตร เร็วแรงขึ้น 16% เมื่อเทียบกับ Intel Core เจนเนอเรชัน 8 เห็นได้ชัดเมื่อทำงานผ่านระบบออนไลน์อย่าง Office 365
ทั้ง 2 แพลตฟอร์มจะมาพร้อมชิปกราฟฟิกของ Intel ทำให้สามารถเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p ได้ โดยรองรับเทคโนโลยี Intel Wi-Fi 6 ซึ่งดีขึ้นและปลอดภัยแถมประหยัดพลังงาน ขณะที่ Thunderbolt 3 ช่วยให้การส่งต่อไฟล์ทำได้เร็วขึ้น 3 เท่า
6 แบรนด์ที่จำหน่ายแล็ปท็อป Ice Lake และ Comet Lake ในไทยได้แก่ เอเซอร์ เอซุส เดล เอชพี เลอโนโว และเอ็มเอสไอ โดยนอกจาก 31 รุ่นที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชัน 10 จะมีอีกหลายรุ่นทยอยเปิดตัวเพิ่มอีกก่อนสิ้นปีนี้
การเปิดตัวชิป Ice Lake และ Comet Lake ไม่ใช่สัญญาณเดียวที่ Intel บอกโลกว่าต้องการปฏิวัติขอบเขตความสามารถของพีซีบางเบายุคนี้ เพราะนอกจากการเปิดตัวชิป Intel ยังเปิดตัวโครงการ Project Athena เพื่อนำร่องและทำเกณฑ์มาตรฐานพีซีให้สามารถยกระดับแล็ปล็อป เป้าหมายคือเพื่อนำเสนอแล็ปท็อปคุณภาพสูงสู่ตลาดเพื่อเจาะกลุ่มคนทำงาน นักศึกษา และผู้ชมความบันเทิงได้เต็มที่ คาดว่าในสิ้นปี 2019 จะมี 15 รุ่นที่ถูกคัดเลือกมาร่วมในโปรเจ็กต์นี้ และจะถูกเพิ่มความสามารถตามรายการที่ Intel กำหนดขึ้นมา ซึ่งจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานพีซีได้เป็นรูปธรรมกว่าเดิม
“สิ่งที่ Project Athena ให้ความสำคัญคือ 1. ต้องเป็นอุปกรณ์ที่มีระบบ AI ทำให้ถูกโฟกัสไม่แพ้อุปกรณ์หลากหลายที่มีในมือผู้บริโภค 2. คือต้องพร้อมใช้งานตลอดเวลาแบบไม่ต้อง shutdown และ 3. คือต้องประยุกต์ใช้กับทุกงานได้อย่างยืดหยุ่น Project Athena ต้องการทำให้ผู้คนกลับมาที่พีซีอีกครั้ง” ซานโดชกล่าว ซึ่งสะท้อนว่าทั้ง 3 คุณสมบัตินี้คือภาพของพีซียุคหน้าที่ Intel เชื่อว่าจะดึงผู้ใช้ให้ละสายตาจากหน้าจอสมาร์ทโฟนได้.