xs
xsm
sm
md
lg

รวันดาผลิตเอง! แจ้งเกิดสมาร์ทโฟน “Made in Africa” รุ่นแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง วันนี้สาธารณรัฐรวันดาฝันอยากเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับภูมิภาค พิสูจน์ตัวเองด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่โดยการันตีว่าเป็นรุ่นที่ผลิตในแอฟริกาหรือ Made in Africa แบบเต็มรูปแบบครั้งแรก เบ็ดเสร็จแล้วพัฒนาชิ้นส่วนยิบย่อยจนถึงแผงวงจรหลักมากกว่า 1,000 ชิ้นส่วนต่อโทรศัพท์ 1 เครื่อง

การพัฒนาสมาร์ทโฟนด้วยตัวเองของรวันดาทำในนามบริษัทมารากรุ้ป (Mara Group) ซึ่งตั้งชื่อสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นว่า Mara X และ Mara Z ทั้ง 2 รุ่นใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของกูเกิล สนนราคา 175,750 ฟรังก์รวันดา (5,791 บาท) และ 120,250 ฟรังก์รวันดา (ราว 3,962 บาท) ตามลำดับ

ความน่าสนใจคือ Mara X และ Mara Z ถูกวางตัวมาเพื่อแข่งขันกับซัมซุง (Samsung) ซึ่งจำหน่ายสมาร์ทโฟนราคาต่ำที่สุดในราคา 50,000 ฟรังก์หรือราว 1,600 บาท ยังมีโทรศัพท์ที่ไร้แบรนด์ที่วางจำหน่าย 35,000 ฟรังก์ (ประมาณ 1,100 บาท) ทั้งหมดนี้ แอชิช ทักการ์ (Ashish Thakkar) ซีอีโอของ Mara Group มองว่าสมาร์ทโฟนของบริษัทจะกำหนดเป้าหมายไปที่กลุ่มลูกค้าซึ่งยินดีจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อสินค้าคุณภาพ

Mara Group ประกาศตัวเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายแรกในแอฟริกา ที่ผ่านมา แม้จะมีการตั้งโรงงานประกอบสมาร์ทโฟนในอียิปต์ เอธิโอเปีย แอลจีเรีย และแอฟริกาใต้ แต่ก็เป็นการนำเข้าส่วนประกอบ ทำให้ Mara Group เป็นบริษัทแรกที่ทำการผลิตชิ้นส่วนทั้งแผงวงจรหลักอย่างมาเธอร์บอร์ด รวมถึงแผงวงจรย่อยในกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งโดยรวมแล้ว สมาร์ทโฟนต้องผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 1,000 ชิ้นเพื่อประกอบเป็นโทรศัพท์ 1 เครื่อง

เบื้องต้น Thakkar ประเมินว่าโรงงานแห่งนี้มีมูลค่าราว 24 ล้านเหรียญสหรัฐ และสามารถผลิตโทรศัพท์ได้ 1,200 เครื่องต่อวัน จุดนี้กลุ่มบริษัท Mara ยอมรับว่าตั้งความหวังที่จะรับอานิสงส์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่มุ่งสร้างกลุ่มการค้า 55 ประเทศ เชื่อว่าจะกระตุ้นยอดขายได้ทั่วแอฟริกา โดยเฉพาะช่วงเดือนกรกฎาคมปีหน้า ที่สัญญานี้จะเริ่มต้นมีผลบังคับใช้กับชาวแอฟริกา 1,300 ล้านคน บนกลุ่มเศรษฐกิจมูลค่า 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ผู้บริหาร Mara Group เผยว่าตั้งความหวังให้โทรศัพท์ของค่ายมีส่วนช่วยเพิ่มการใช้สมาร์ทโฟนของชาวรวันดามากขึ้นประมาณ 15% โดยย้ำว่าแม้ชาวรวันดาจะใช้สมาร์ทโฟนอยู่แล้ว แต่เชื่อว่าจะต้องมีการเปิดใช้งานเพิ่มอีกมาก.



กำลังโหลดความคิดเห็น