xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวต่อไปของ 'แกร็บ' สร้างความยั่งยืนทางดิจิทัล (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ
ความร่วมมือระหว่าง แกร็บ และภาครัฐของอินโดนีเซีย กลายเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อรัฐบาล พร้อมสนับสนุนสตาร์ทอัป สิ่งที่เกิดขึ้นคือการผลักดันให้เกิดการสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรอินโดนีเซีย จนทำให้ปัจจุบัน อินโดนีเซีย กลายเป็นเป้าหมายของนักลงทุน และเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน

จากรายงานล่าสุดของแกร็บ ที่เปิดเผยมูลค่าเศรษฐกิจที่เกิดจากการให้บริการบนแพลตฟอร์มของแกร็บ ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมากว่า 5.8 พันล้านเหรียญ หรือราว 1.7 แสนล้านบาท โดยราว 3.4 พันล้านเหรียญ เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย จึงทำให้ปัจจุบันอินโดนีเซียกลายเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากที่สุดของแกร็บ พร้อมกับช่วยหนุนทั้งพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ และธุรกิจ SMEs ในอินโดนีเซียให้สามารถเติบโตขึ้น ผ่านบริการต่างๆ ของแพลตฟอร์ม แกร็บ


ในเมืองหลวงอย่างจาร์กาต้า แกร็บ กลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของคนอินโดนีเซีย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ไล่ตั้งแต่การโดยสารรถจากสนามบินเข้าเมือง ที่มีจุดรับ-ส่ง ของแกร็บที่สนามบินโดยเฉพาะ

ตามห้างสรรพสินค้าภายในเมือง หรือคอมมูนิตี้มอลต่างๆ จะมีพนักงานแกร็บจอดรถรอส่งอาหารในทุกๆ แห่ง รวมถึงตามสี่แยก หรือจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ ภาพของพาร์ทเนอร์ผู้ขับแกร็บ ที่จอดรถเรียงกันเพื่อรอรับผู้โดยสารกลายเป็นเรื่องปกติในจาร์กาต้า


แอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า แกร็บ ถือเป็นสตาร์ทอัปที่เกิด และเติบโตในภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มต้นขึ้นจากการให้บริการแอปเรียกรถแท็กซี่เมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา และเติบโตมาจนปัจจุบันให้บริการใน 8 ประเทศ ครอบคลุม 339 เมือง


แนวทางในการให้บริการของแกร็บ คือการเข้าไปศึกษาความต้องการในแต่ละท้องถิ่น เพื่อนำบริการ และแพลตฟอร์มเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีทั้งการเรียกรถโดยสาร บริการส่งอาหาร ส่งสินค้าต่างๆ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เมื่อการให้บริการเริ่มอยู่ในจุดที่เข้าไปครองตลาดแล้ว สิ่งที่แกร็บ เริ่มขยับในเวลานี้คือการร่วมมือกับทางไมโครซอฟท์ เพื่อเสริมสร้างทักษะทางดิจิทัลให้แก่ประชากรในภูมิภาคอาเซียน เพราะด้วยการที่แกร็บ ให้บริการในอาเซียนเป็นหลักจึงวางเป้าหมายที่จะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้


'แกร็บต้องการที่จะพาเรือที่เรียกว่าอาเซียนทั้งลำนี้ โต้คลื่นไปกับการมาของเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกิดขึ้น ด้วยการเข้าไปส่งเสริมทักษะทางดิจิทัลให้แก่เยาวชน และทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น’

ขณะเดียวกัน แกร็บเชื่อว่า เทคโนโลยี จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมในยุคดิจิทัล เพราะทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน และนำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือสังคมได้ด้วย

***ร้านอาหารเติบโตได้ด้วยแกร็บฟู้ด

หนึ่งในร้านอาหารที่ได้รับความนิยมจากบริการแกร็บฟู้ดในอินโดนีเซีย คือร้านอย่าง Bebek Kepahiang Babase Benhil (BKB) ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการร้านแรกในปี 2017 และเริ่มเข้าร่วมกับทางแกร็บฟู้ด เพื่อให้บริการส่งอาหาร โดยมีเมนูดังอย่างข้าวเป็ดย่าง จนกระทั่งปัจจุบัน BKB ขยายสาขาไปถึง 9 แห่ง ขณะนี้มี 6 สาขาที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สาขาหลักสามารถทำยอดขายเฉพาะผ่านการส่งอาหารผ่านแกร็บได้ถึงเดือนละ 9,000 ออเดอร์ คิดเป็นสัดส่วนราว 60% ของยอดขายในปัจจุบันดังนั้น การที่เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร ถ้านำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ก็จะสามารถเพิ่มยอดขาย และเติบโตไปในยุคดิจิทัลได้ โดยเฉพาะในเมืองที่การจราจรติดขัดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอย่างจาร์กาต้า ทำให้ปัจจุบันแกร็บฟู้ดได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอินโดนีเซีย

***ผลักดันคนไทยให้พร้อมยุคดิจิทัล

เมื่อย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย จะเห็นว่าไม่ใช่แค่ในตลาดอินโดนีเซีย ที่แกร็บให้ความสำคัญ ในการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล แต่เป็นทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการพัฒนาพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ในแต่ละประเทศให้ได้เรียนรู้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน

ที่ผ่านมา แกร็บสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ และพาร์ทเนอร์ร้านอาหารจำนวนหลายแสนคนพัฒนาความเป็นอยู่ของตนเอง โดยทำให้พวกเขาสามารถหารายได้ได้มากกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำของประเทศ หรือทำให้ธุรกิจเติบโตด้วยรายรับที่เพิ่มขึ้นได้

โดยเป้าหมายหลักของแกร็บ คือ 1.สร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันเพื่อคนทุกกลุ่ม ทุกความสามารถ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเข้าไปให้ความรู้และความเข้าใจดิจิทัล ให้ประชากรโดยรวม ด้วยการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาวิชาชีพในประเทศ เพื่อให้คนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงความรู้พื้นฐานทางเทคโนโลยี และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

เริ่มจากสิ่งเล็กๆ คือการสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ และพาร์ทเนอร์ร้านอาหารกว่าแสนราย เปลี่ยนจากการที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือไม่สามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารจนมีบัญชีธนาคาร เพื่อให้เข้าถึงบริการดิจิทัลเพย์เมนต์ต่างๆ ถัดมาคือ การที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเฉพาะผู้พิการต่างๆ ข้อมูลจากสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย รายงานว่ามีคนหูหนวก และผู้มีอุปสรรคทางการได้ยินในประเทศไทยกว่า375,000คน ซึ่งปัจจุบันแกร็บมีพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่หูหนวก หรือมีอุปสรรคทางการได้ยิน50 กว่าคนบนแพลตฟอร์ม และตั้งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเท่าตัวภายใน 1 ปีข้างหน้า

นอกเหนือจากการเข้าไปส่งเสริมทักษะดิจิทัลให้แก่ประชาชนแล้ว อีกเรื่องที่แกร็บทำคือ 2.ยกระดับการแข่งขันในประเทศด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านการผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมด้วยดิจิทัล ทั้งการร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนร้านอาหารThai SELECT และเปิดให้ร้านอาหารสามารถใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลรสนิยมของผู้บริโภคในการพัฒนาธุรกิจได้ด้วย

อีกปัจจัยที่เป็นสิ่งสำคัญในอนาคตคือ 3.การพัฒนาแรงงานคุณภาพ ด้วยการสร้างงานที่ต้องอาศัยทักษะทางดิจิทัลให้แก่คนไทย รวมถึงการมีโปรแกรมอย่าง 'แกร็บ เวนเจอร์ส เวโลซิตี '(Grab Ventures Velocity) เพื่อผลักดันให้เหล่าสตาร์ทอัปในไทยเติบโตและขยายสู่ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุดท้าย คือ 4.การสร้างสรรค์อนาคตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน เริ่มจากการเข้าไปร่วมกับมูลนิธิโตโยต้า โมบิลิตี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล เพื่อใช้ถนนพระราม4ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนที่รถติดมากที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ สำหรับทดสอบและพัฒนาโซลูชันด้านการเดินทางอันชาญฉลาดซึ่งจะช่วยลดปัญหาด้านการจราจรและมลภาวะ

***เริ่มแคมเปญจัดการขยะพลาสติก

อีกหนึ่งปัญหาที่บริการส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ คือเรื่องของการรณรงค์ลดการใช้ขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เพื่อช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน ทางแกร็บ ได้มีการทำโครงการร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) ที่ชื่อว่า Malu Dong, Get Plastic เพื่อเก็บและจัดการขยะที่บาหลี และ เบอเกอร์ คิง ในการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะทื่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

พร้อมกับเปิดจุดรับขยะพลาสติกจากร้านสาขาของเบอเกอร์ คิง ในบาหลี เพื่อนำมากำจัดอย่างถูกต้อง ร่วมกับชุมชนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการจัดการปัญหาขยะพลาสติกร่วมกัน.


กำลังโหลดความคิดเห็น