'พุทธิพงษ์' เปิดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รองรับกม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ 28 พ.ค.2563 เดินหน้าจัดสัมมนาแนะนำกฎหมาย และสำนักงานฯ 'PDPA –Privacy for All' ภายใต้แนวคิด 'คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดูแล ทุกภาคส่วน ก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง ทันสมัย ทั่วถึงและเท่าทัน'หวังรับฟังความเห็นประกอบการออกกม.ลูกและบทเฉพาะกาล
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ตามที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) คุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2562 และจะมีผลบังคับใช้ เต็มรูปแบบในวันที่ 28 พ.ค. 2563 นั้น พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้กำหนดไว้ว่า ในระหว่างนี้ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานก่อนที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบในวันที่ 28 พ.ค. 2563
ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะตั้งอยู่ที่ชั้น 7 อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ โดยมีนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงดีอีเอส ทำหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไปจนกว่าขบวนการสรรหาจะแล้วเสร็จ ส่วนการตั้งคณะกรรมการของสำนักงาน เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ที่แต่งตั้งโดยฝ่ายการเมือง ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการสรรหา
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ถือเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องใหม่ สำหรับหลายๆ องค์กร โดยในวันที่ 10 ต.ค. นี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะจัดให้มีการสัมมนาแนะนำกฎหมาย และสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 'PDPA –Privacy for All' ภายใต้แนวคิด 'คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดูแล ทุกภาคส่วน ก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง ทันสมัย ทั่วถึงและเท่าทัน' ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อเป็นการแนะนำกฎหมายและแผนการดำเนินงานของสำนักงานฯ แห่งนี้ ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนถึงบทบาทและหน้าที่ของสำนักงานฯ และที่สำคัญเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสำหรับหลากหลายภาคส่วนในการยกระดับองค์กร ให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาข้อมูล ในด้านต่างๆ ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ในงานสัมมนาครั้งนี้ จะเชิญกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้บริหารหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ปฏิบัติงาน ด้านการจัดการดูแลข้อมูลของหน่วยงาน และผู้แทนกลุ่ม/สมาคม/มูลนิธิ ตลอดจนสื่อมวลชน จำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อประกอบในการออกกฎหมายลูก และ บทเฉพาะกาลต่อไป