มาแล้วทายาทไอโฟนรุ่นใหม่ iPhone 11 ที่จะถูกนำมาทำตลาดแทน iPhone XR รุ่นราคารอง เช่นเดียวกับ iPhone XR รุ่นปี 2018 ที่เป็น iPhone รุ่นขายดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา ตัว iPhone 11 ติดตั้งจอแอลซีดี 6.1 นิ้วบนตัวเครื่องที่เหมือนกัน พร้อมรอยบากด้านหน้าจอที่ยังไม่หายไปไหน รอบนี้มาพร้อมสีใหม่คือม่วง ขาว เขียว เหลือง ดำ และแดง
การเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์ที่ใหญ่ที่สุดของ iPhone 11 อยู่ที่กล้องหลัง เมื่อเทียบกับ iPhone XR รุ่นปีที่แล้ว กล้องมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซลถูกเปลี่ยนเป็นกล้องคู่กว้างพิเศษที่รองรับการซูมออปติคอล 2 เท่า ขณะเดียวกัน iPhone 11 ยังมีอินเทอร์เฟซกล้องแบบใหม่ที่ให้ผู้ใช้มองเห็นภายนอกเฟรม เพื่อให้สามารถดูรายละเอียดของรูปถ่ายด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษหรือ ultra-wide
คุณสมบัติใหม่ของ iPhone 11 สะท้อนว่ากล้องเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ Apple ร่วมกับการพัฒนาแผนที่แนวใหม่ที่จะชูข้อมูลแตกต่างกันตามตำแหน่งที่ยืนอยู่ นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟ็กต์ภาพถ่ายบุคคลแบบขาวดำซึ่งเชื่อว่าจะโดนใจคอเซลฟี่หลายคน ร่วมกับโหมดภาพถ่ายบุคคลสำหรับถ่ายภาพสัตว์เลี้ยง
อีกจุดน่าสนใจคือการเพิ่มโหมดกลางคืนเพื่อให้ iPhone 11 สามารถแข่งขันกับสมาร์ทโฟนกูเกิลอย่างพิกเซล (Pixel) และโทรศัพท์มือถือ Note 10 และ S10 ล่าสุดของซัมซุง แน่นอนว่าผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอคุณความละเอียด 4K สูงถึง 60 fps หรือวิดีโอช้าแบบ slow-mo โดยสามารถแตะเพื่อสลับระหว่างกล้องที่กว้างเป็นพิเศษและกล้องปกติ
ขุมพลังภายใน iPhone 11 เป็นโปรเซสเซอร์ A13 Bionic รุ่นล่าสุดของ Apple ที่ถูกการันตีว่าเป็น CPU ที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน พร้อมกับที่เป็น GPU ที่เร็วที่สุดในสมาร์ทโฟน ทั้งหมดนี้ iPhone 11 ยืดอายุแบตเตอรี่ได้นานกว่ารุ่นปี 2018 ได้อีก 1 ชั่วโมง
นอกจากนี้ iPhone 11 ยังมีสิ่งที่ Apple เรียกว่า "Enhanced Face ID" ซึ่งจะเพิ่มความเร็วในการสแกนใบหน้า อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ปลดล็อกเครื่องได้เร็วขึ้น โดย iPhone 11 ได้รับการจัดอันดับความทนน้ำทนฝุ่น IP68 ซึ่งครอบคลุมระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร เหนือกว่า iPhone XR ที่รองรับ IP67 เท่านั้น
Apple ตั้งราคา iPhone 11 เริ่มต้นที่ 24,900 บาท เชื่อว่าสาวกหลายคนในประเทศไทยกำลังรอควักกระเป๋าตั้งแต่ตอนนี้
