ชาวโลก 100 คนมีมุมมองต่อคำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” ต่างกันไป 100 แบบ มหาเศรษฐีอย่างแจ็ค หม่า (Jack Ma) และอีลอน มักส์ (Elon Musk) ก็เช่นกัน แต่ทุกความเห็นที่ต่างกันของทั้งคู่ถูกมองว่าน่าสนใจมาก ชนิดที่ทุกคนบนโลกไม่ควรพลาด
1. Jack Ma : ยุค AI คนทำงาน 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
จากที่เคยสนับสนุนให้คนทำงานมากขึ้น 12 ชั่วโมงต่อวัน ตอนนี้มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของจีนเชื่อว่าด้วยพลังของ AI หรือ artificial intelligence ผู้คนจะทำงานเพียงแค่ 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
Jack Ma กล่าวร่วมกับ Elon Musk พ่อมดไอทีชาวอเมริกันบนเวทีงาน World AI Conference ที่นครเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่าในอนาคต ผู้คนอาจทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4 ชั่วโมง เพราะเทคโนโลยีปัญหาประดิษฐ์จะช่วยทำงานแทน จนมนุษย์เรามีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น และงานที่จะเป็นที่ต้องการในยุคนั้น คืองานที่ทำให้ผู้คนมีความสนุกสนานมากขึ้น และมอบประสบการณ์ที่ผู้คนจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในเวลานั้น
ขณะที่อยู่บนเวทีกับซีอีโอ Tesla เจ้าพ่อฝั่งจีนอย่าง Ma ยกตัวอย่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมซึ่งพลังงานไฟฟ้าสามารถช่วยให้มนุษย์สามารถสร้างสมดุลย์ในชีวิตและการทำงานหรือ work-life balance ได้ดีขึ้น ซึ่งด้วยอำนาจของพลังไฟฟ้า ผู้คนก็สามารถไปร้องคาราโอเกะผ่อนคลายได้ในตอนเย็น หรือจะไปปาร์ตี้ขาแดนซ์ต่อในวันศุกร์แห่งชาติก็ได้
2. Elon Musk : มนุษย์จะต่างกับ AI เหมือนที่ลิงชิมแปนซีต่างจากมนุษย์
หลายคนคิดว่า AI อาจเป็นแค่ผู้ช่วยเหมือนที่ Siri หรือหุ่นยนต์ทั่วไปทำงานเล็กๆน้อยๆได้ แต่ Elon Musk มองว่าทุกคนคิดผิด เพราะแท้จริงแล้วความสามารถของ AI นั้นยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ที่ชาญฉลาดล้ำเลิศแล้ว โดยอธิบายว่าช่องว่างระหว่าง AI และมนุษย์ จะไม่ต่างกับลิงชิมแปนซีที่ไม่เข้าใจความคิดของมนุษย์ในทุกมุมมอง
Elon Musk ย้ำว่าทุกคนประเมินความสามารถของ AI ต่ำเกินไป เพราะ AI จะฉลาดกว่าทุกทาง และจะชนะมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดได้อีกมาก ซึ่งหากถามว่าลิงชิมแปนซีเข้าใจมนุษย์ได้ทะลุปรุโปร่งหรือไม่ คำตอบคือไม่เพราะชิมแปนซีจะมองมนุษย์เหมือนเอเลี่ยนมนุษย์ต่างดาว และใส่ใจเฉพาะชิมแปนซีพวกเดียวกัน ซึ่งมนุษย์เราก็จะไม่ต่างกัน
Elon Musk มองว่าสิ่งที่มนุษย์ทำได้ คือการหวังว่า AI จะเป็นมิตรกับมนุษย์ ซึ่งถ้าไม่ยับยั้ง AI มนุษย์ก็สามารถร่วมส่งเสริม AI เหมือนที่ Neuralink บริษัทของ Elon Musk ทำอยู่
3. เห็นตรงกันเรื่องปัญหาประชากร
สิ่งที่ Jack Ma และ Elon Musk เห็นตรงกันคือปัญหาประชากรโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าประชากรโลกไม่ได้กำลังลดลงอย่างที่ทั้งคู่ประเมินไว้ และการหันมามีบุตรก็จะไม่ช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น
Elon Musk บอกว่าชาวโลกหลายคนคิดว่าวันนี้โลกมีประชากรหนาแน่น แต่ความจริงในวันนี้ไม่ใช่ โดยบอกว่าปัญหาที่โลกจะต้องเผชิญใน 20 ปีนับจากนี้คือปัญหาประชากรโลกลดลงและไม่ขยายตัว ประเด็นนี้ Ma เห็นด้วยพร้อมกับยกตัวอย่างจีนที่มีประชากรวันนี้ 1.4 ล้านคน แต่ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรจีนจะลดลงอย่างชัดเจน
ผลกระทบจากปัญหาประชากรลดลงในยุค AI ไม่ได้มีเฉพาะกับระบบเศรษฐกิจ แต่จะทำให้งานบางงานหายไป โดยทั้งคู่หยิบสถิติทารกเกิดใหม่จากสถาบันวิจัย Pew มาแสดงว่าทารกเกิดใหม่จะลดลงต่อเนื่องถึงระดับรุนแรกตั้งแต่ปี 2050 จนถึงปี 2100
แต่จากการวิเคราะห์โดยใช้ข้อมูลจากสหประชาชาติ UN Population Division ของเว็บไซต์ science20.com พบว่าปัญหาประชากรที่ลดลงเหล่านี้เป็นเพราะความเจริญรุ่งเรือง ไม่ใช่เพราะการหมดทรัพยากร ตัวอย่างเช่นญี่ปุ่นที่เป็น 1 ในประเทศร่ำรวยที่สุดแต่กลับมีจำนวนประชากรลดลงเร็วที่สุด คำตอบของเรื่องนี้คือเมื่อมนุษย์เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ก็จะมีลูกน้อยลง และลงทุนเพิ่มมากขึ้นในบุตรหลานแต่ละคนที่มี สิ่งนี้เป็นเรื่องจริงสำหรับทุกรูปแบบระบบเศรษฐกิจและกลุ่มศาสนาทั้งหมด ซึ่งแนวคิดนี้จะเกิดวนไปต่อเนื่อง แม้ว่ามนุษย์ในยุคนี้พยายามเพิ่มอัตราการเกิด แต่ในอนาคตยุคเกินหน้า AI ไปแล้ว ก็จะมีแนวคิดนี้อยู่ต่อไป
ชาวบ้านทราบแล้วเปลี่ยน (อย่างไรดีหนอ)