กสท โทรคมนาคม เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก กำไรสุทธิกว่า 8,600 ล้านบาท จากดีลยุติข้อพิพาทสัมปทานมือถือ เร่งเดินหน้าขยายธุรกิจดิจิทัลดันโครงข่ายอัจฉริยะ LoRaWAN ต่อยอดพัฒนาธุรกิจสมาร์ทโซลูชันสิ้นปีครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมดีเดย์ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ดีเอ็นเอใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ CATALYST ในวันครบรอบสถาปนา 16 ปี กสท โทรคมนาคม
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 2562 ในโอกาสครบรอบ 16 ปีกสท ว่า บริษัทมีรายได้รวมกว่า 29,000 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 8,600 ล้านบาท โดยตัวเลขกำไรเป็นผลจากการยุติข้อพิพาทเสาโทรคมนาคมกับคู่สัมปทานบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น และกลุ่มบริษัททรู ขณะที่รายได้การดำเนินงานของกสท มาจากธุรกิจโมบายล์, ดาต้าคอมมูนิเคชั่น, อินเทอร์เน็ต, ธุรกิจโทรคมนาคมระหว่างประเทศ, บริการดิจิทัล และการให้เช่าเสาโทรคมนาคม โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้กว่า 50,000 ล้านบาท และกำไรไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่คาดว่าจะสร้างรายได้อนาคต ประกอบด้วยโครงการภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) อย่าง โครงการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC (Government Data Center and Cloud service) ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงดีอีเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติดำเนินการต่อเนื่องด้วยงบประมาณปี 2563 – 2565 โดยระยะแรกปี 2562 จะใช้งบกองทุนคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (กองทุนดีอี) ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ โดยล่าสุดมีหน่วยงานภาครัฐ 80 หน่วยงานให้ความสนใจเข้าใช้บริการระบบคลาวด์กลาง GDCC ซึ่งหลังจากได้รับงบประมาณแล้ว กสท จะใช้เวลา 2 เดือนในการโอนย้ายข้อมูล 40 หน่วยงานรัฐเข้าสู่ระบบ GDCC ในเฟสแรก
รวมทั้งยังมีโครงการอื่น ๆ เช่น โครงขยายอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้น้ำเชื่อมต่อระหว่างประเทศมูลค่า 5,000 ล้านบาทรองรับยุทธศาสตร์ประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางข้อมูลดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Hub), โครงการต้นแบบสมาร์ทซิตี้ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น, โครงการสมาร์ทซายน์ออน บริการหน้าจอ log-in ไวไฟที่ให้ความสะดวกผู้ใช้งานในการเข้าถึงบริการไวไฟของทุกค่ายได้ทั่วประเทศ , โครงการดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ ซึ่งเป็นโครงการ PPP ภายใต้ EECd เพื่อการพัฒนาเขตส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลบนพื้นที่กว่า 700 ไร่ ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่อยู่ระหว่างคัดเลือกเอกชนร่วมทุน คาดว่าจะสามารถประกาศผลภายในปลายปี 2562
รวมถึง กสท ยังร่วมกับกรมศุลกากรในโครงการ National Single Window (NSW) ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำทีโออาร์ โดยโครงการนี้จะยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการนำเข้า-ส่งออกทุกขั้นตอนด้วยระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในอนาคตสามารถจะพัฒนาสู่ NSW ที่เป็นภาพรวมของทั้งประเทศ
พ.อ.สรรพชัย กล่าวว่า สำหรับโครงข่าย LoRaWAN จะติดตั้งครอบคลุมครบทุกจังหวัดภายในสิ้นปีนี้ตามเป้าหมาย เป็นโครงข่ายเพื่อรองรับการเชื่อมต่อ IoT และการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ของเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยเชื่อมโยงกับทุกโครงข่ายที่มีอยู่ทั้งไฟเบอร์ออปติก ไวไฟและ 3G ทั่วประเทศ โครงข่ายอัจฉริยะนี้เป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ซึ่งบริษัท ได้ต่อยอดพัฒนาธุรกิจดิจิทัลกลุ่มสมาร์ทโซลูชันภายใต้แบรนด์ LoRa IoT เช่น Smart tracking, Smart lighting, Smart waste, Smart energy โดยเปิดให้บริการลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของเมือง ซึ่งขณะนี้ได้นำร่องให้บริการในจังหวัดภูเก็ตเพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ กลุ่มบริการสมาร์ทโซลูชันดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาธุรกิจใหม่ที่ กสท โทรคมนาคม รอสร้างความพร้อม และมีความเชื่อมั่นว่าจะเติบโตในอนาคต ซึ่งนอกจากจังหวัดภูเก็ตที่เป็นต้นแบบแล้วยังมีความต้องการสูงขึ้นในหลายพื้นที่จากแนวโน้มการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 กสท โทรคมนาคม จึงได้เตรียมรองรับความต้องการดังกล่าวโดยส่งเสริมกลุ่มสตาร์ตอัป สถาบันศึกษา เครือข่ายนักวิจัยพัฒนาด้าน IoT ตลอดจนหน่วยงานพันธมิตร NIA, TESA คิดค้นนวัตกรรมโซลูชันใหม่ ๆ บนโครงข่าย LoRaWAN อย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบัน กสท ได้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ พัฒนาอุปกรณ์เซ็นเซอร์และโซลูชัน IoT เพื่อใช้งานจริงในหลายพื้นที่ เช่น โครงการ Sensor for All ตรวจวัดอนุภาคฝุ่น PM2.5 โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โครงการเพาะเห็ดสมาร์ทฟาร์มโดย ม.ศรีปทุม โครงการระบบรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตผ่านอุปกรณ์ริสต์แบนด์ SOS และเสื้อชูชีพ Smart Life Jacket ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดจากโซลูชันต่าง ๆ ขึ้นบนระบบคลาวด์เพื่อจัดเก็บ บูรณาการ และต่อยอดการประมวลผลวิเคราะห์ Big Data โดยในอนาคตจะเพิ่มเทคโนโลยี Big Data Analytic วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาได้หลากหลายมิติยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในโอกาสครบรอบ 16 ปี (วันที่14 สิงหาคม 2562) กสท โทรคมนาคม ยังได้เริ่มใช้ชุดฟอร์มพนักงานใหม่ที่สะท้อนอัตลักษณ์ ตอกย้ำการพัฒนาองค์กรสู่ธุรกิจดิจิทัล ประกอบกับได้ดำเนินกิจกรรมปรับภาพลักษณ์ในระดับ Brand DNA ของพนักงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาคด้วยคอนเซปต์ CATALYST เพื่อยกระดับความพร้อมให้บริการลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเน้นการทำความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกเพื่อสร้างสรรค์บริการเทคโนโลยีที่สามารถแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง รวมทั้งการผสมผสานความรู้ความเชี่ยวชาญจากรุ่นพี่และความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานรุ่นใหม่ในรูปของทีมเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีใหม่ๆสร้างความสำเร็จให้กับทุกธุรกิจที่ไม่เพียงเป็นลูกค้า แต่เป็นพันธมิตรที่จะก้าวสู่ความสำเร็จร่วมกัน