ไม่รู้ว่า Samsung กำลังสับสนอะไร เพราะระบบผู้ช่วยเสียงบิกซ์บี (Bixby) ที่เคยเป็นจุดสนใจยิ่งใหญ่ในงานเปิดตัว Note 9 เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้ซัมซุง (Samsung) กลับไม่เอ่ยถึงชื่อ Bixby แม้แต่น้อยในระหว่างเปิดตัวรุ่นล่าสุด Note10
ขณะเดียวกัน รุ่นท็อปของสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดรอบนี้อย่าง Note10 Plus 5G ยังจะวางจำหน่ายที่เกาหลีใต้เท่านั้น ไม่ส่งออกไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นที่เริ่มเปิดศักราช 5G แล้ว รวมถึงประเทศไทยที่จะไม่วางจำหน่ายเช่นกัน
การเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Note10 ยังทำให้ Samsung ถูกมองว่ากำลังส่งรุ่นเรือธงสู่ตลาดมากเกินไป แทนที่จะมีเพียง 1 หรือ 2 รุ่น วันนี้ Samsung มีรุ่นหลักมากกว่า 6 รุ่นที่วางจุดยืนเจาะตลาดบน
ทั้งหมดนี้เป็น 3 ในหลายประเด็นที่โลกกำลังจับตามอง Samsung ในวันเปิดตัว Galaxy Note10 ซึ่งมีความสดใหม่เรื่องการเพิ่มรุ่นเครื่องเล็กในราคาถูกลง และความสามารถตัดต่อวิดีโอในเครื่องได้แบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงการแจ้งเกิดปากกา S-Pen ที่สามารถแกว่งกลางอากาศเหมือนไม้กายสิทธิ์สั่งการเครื่องแบบไม่ต้องแตะ
***แบ่ง 2 ขนาดครั้งแรก
ถือเป็นครั้งแรกที่ Samsung เปิดตัว Galaxy Note10 โดยแบ่งเป็นรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ได้แก่ Note10 ขนาดหน้าจอ 6.3 นิ้ว (FullHD+) และ Note10+ ขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว (WQHD+) บนสไตล์เดิมของสมาร์ทโฟนตระกูล Note คือการเน้นที่ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ร่วมกับดีไซน์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้เกิดประโยชน์สูงสุด
Samsung ยอมรับว่าการคิดใหม่ทำใหม่นี้เป็นการนำข้อมูลจากการทำตลาด Galaxy Note9 มาศึกษาเพื่อปรับปรุงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้มากขึ้น การสำรวจพบว่าการที่ Note9 มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคกว่า 24% ตัดสินใจยังไม่เลือกซื้อ Galaxy Note ทำให้ในปีนี้ ซัมซุงเลือกออก Note10 แบบเล็กและใหญ่ ให้สาวกเลือกใช้ได้ตามใจต้องการ
สเปกของ Note10 เด่นที่ชิป Exynos 9825 หน่วยความจำแรม LPDDR4X ซึ่งรุ่นเล็ก Note10 มีให้เลือก 8GB และ 12GB ขณะที่รุ่น Note10+ มีเฉพาะขนาด 12GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB/512GB เท่านั้น
Note10 จอเล็กมีแบตเตอรี่ 3500mAh น้อยกว่ารุ่น Note10+ ที่มีความจุมากกว่า 4300mAh มีระบบชาร์จไวรับพลังงานสูงสุด 45 วัตต์
จุดต่างสำคัญระหว่างเครื่อง Note10 และ Note10+ คือเรื่องของกล้องหลัง ในรุ่น Note10+ จะมีการเพิ่มกล้องวัดระยะ (ToF) เข้ามา เสริมจาก 3 เลนส์หลักคือเลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เลนส์ปกติ (Wide) 12 ล้านพิกเซล และเลนส์เทเล (Telephoto) 12 ล้านพิกเซล
นอกจากตัวเครื่องที่สมาร์ทโฟนตระกูล Note10 ย้ายปุ่มปรับความดังและปุ่มปิดเปิดไปไว้ทางด้านซ้าย ยังมีประเด็นที่ปุ่ม Bixby ที่เคยแยกเป็นปุ่มเฉพาะในสมาร์ทโฟนตระกูล Note นั้นหายไปแล้ว
***ปุ่ม Bixby ล่องหน
แม้จะยืนยันว่าผู้ใช้สามารถเรียก Bixby มาใช้งานได้ง่าย แต่ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ที่ผ่านมา Bixby ถูกมองว่าเป็นอาวุธที่ Samsung ส่งมาชิงชัยในตลาดผู้ช่วยเสมือนร่วมกับอะเล็กซ่า (Alexa), กูเกิลแอสซิสเทนต์ (Google Assistant) และสิริ (Siri) ซึ่งไม่เพียงสมาร์ทโฟน Note10 แต่ Samsung ยังไม่เอ่ยถึง Bixby เลยในช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นในงานนี้ ทั้งนาฬิกา Galaxy Watch Active 2 และแท็บเล็ต Galaxy Tab S6
เหตุที่ทำให้สื่อมองประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะชัดเจนว่า Samsung พยายามปั้น Bixby มานานหลายปีเพื่อเป็นศูนย์กลางที่ผู้ใช้จะเข้าถึงซอฟต์แวร์ที่ Samsung ลงมือพัฒนาไว้ รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ที่ Samsung มี ทั้งหมดนี้สะท้อนอนาคตที่ไม่แน่นอนของ Bixby 2.0 เวอร์ชันล่าสุด รวมถึงคำสั่งเสียง 'Hey Bixby' ที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
สิ่งที่ Samsung ทำใน Note10 คือการทิ้งปุ่ม Bixby ไป แต่เปิดให้ผู้ใช้เรียก Bixby มาใช้งานด้วยปุ่มเปิด-ปิดแทน ทำให้การกดปุ่มเปิด-ปิดค้างไว้กลายเป็นการเปิด Bixby ขึ้นมาใช้งาน ไม่ว่าจะกดค้างไว้นานเท่าใดก็ตาม
เรื่องปุ่ม Bixby ถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้ผู้บริโภคสับสน เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่เคยชินกับการกดปุ่มเปิดปิดเครื่อง ดังนั้นการกำหนดให้ Bixby ทำงานเมื่อมีการกดปุ่มเปิดปิดเครื่องจึงอาจสร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ได้ ในช่วงที่ Note10 ยังไม่จัดส่งถึงมือลูกค้า Samsung จึงถูกจับตามองว่า Note10 จะทำให้ Bixby สร้างความยุ่งยากกับลูกค้าเพิ่มขึ้นหรือไม่
ในภาพรวม Bixby ยังคงได้สิทธิ์ไปต่อและทำงานได้ดีบนโทรศัพท์ Note10 ขณะเดียวกันก็ยังพร้อมทำงานในนาฬิกา smartwatch ของ Samsung รวมถึงตู้เย็นอัจฉริยะ แต่ส่วนของ Galaxy Home ลำโพงอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย Bixby สไตล์เดียวกับลำโพงอะเมซอนเอคโค (Amazon Echo), กูเกิลโฮม (Google Home) และแอปเปิล โฮมพ็อด (Apple HomePod) ก็ไม่ถูกเอ่ยถึงในงานนี้
***ปิดเครื่องแบบใหม่
ปกติแล้วผู้ใช้สมาร์ทโฟนมักจะกดปุ่มเปิดปิดเครื่องเมื่อต้องการใช้งาน แต่ใน Note10 การกดปุ่มเปิด-ปิดจะเรียกการใช้งาน Bixby ขึ้นมาแทน ดังนั้นผู้ใช้ Galaxy Note10 จะปิดเครื่องได้ก็ต่อเมื่อเลื่อนหน้าจอแจ้งเตือนบนระบบแอนดรอยด์ (Android notification panel) แล้วจึงแตะที่ปุ่มเครื่องหมายพาวเวอร์ (power symbol) แทน
และเมื่อต้องการเปิดเครื่อง Galaxy Note 10 ก็สามารถเปิดด้วยปุ่ม power ข้างเครื่องตามปกติ
***รุ่น 5G ขายแต่เกาหลี
ขณะเดียวกัน รุ่นท็อปของสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดรอบนี้อย่าง Note10 Plus 5G ยังจะวางจำหน่ายที่เกาหลีใต้เท่านั้น ไม่มีการส่งออกไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่นที่เริ่มเปิดศักราช 5G แล้ว คาดว่าเป็นเพราะ Samsung มักจะเปิดตัวรุ่นพิเศษในประเทศบ้านเกิดอยู่แล้ว ขณะที่เกาหลีใต้ถือเป็นตลาดใหญ่ที่เหมาะกับการเป็นพื้นที่ทดสอบตลาด Note10 5G ก่อนประเทศอื่น
การเปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีส์ Note10 ยังทำให้ Samsung ถูกมองว่ากำลังส่งรุ่นเรือธงสู่ตลาดมากเกินไป แทนที่จะมีเพียง 1 หรือ 2 รุ่น วันนี้ Samsung มีรุ่นหลักมากมายที่วางจุดยืนเจาะตลาดบน
ตัวอย่างเช่น Galaxy S10E, Galaxy S10, Galaxy S10 Plus, Galaxy S10 5G, Galaxy Fold และ Galaxy Fold เวอร์ชัน 5G ยังไม่รวม Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10 Plus ที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งหากมีรุ่น 5G มาร่วมวงด้วย ก็จะคิดเป็นกองทัพสมาร์ทโฟน 9 รุ่นใหญ่ที่ Samsung ส่งมายั่วใจตลาดบน
สำหรับคุณสมบัติเด่นอื่นของสมาร์ทโฟนตระกูล Note10 ยังอยู่ที่ S-Pen ที่มีการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่อย่าง Air Gesture จุดเด่นคือการนำเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวมาติดตั้งไว้ภายใน S-Pen เพื่อให้สามารถสั่งงานระยะไกลได้เพิ่มเติมจากใน Note9 ที่ใช้เป็นชัตเตอร์กล้อง หรือทางลัดในการสั่งงานต่างๆ
อย่างไรก็ตามใน Note10 มีจุดเปลี่ยนสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือทาง Samsung เลือกที่จะตัดช่องหูฟังขนาด 3.5 มม.ออกไป และหันมาใช้พอร์ต USB-C แทน โดยภายในกล่องที่วางจำหน่ายจะมีการแถมหูฟัง AKG สำหรับใช้งานคู่กับพอร์ต USB-C และไม่ได้แถมอะเดปเตอร์หูฟัง 3.5 มม. ให้ด้วย
ราคา Galaxy Note 10 เริ่มต้น 32,900 บาทและ Note 10+ เริ่มต้น 37,900 บาท กำหนดเริ่มจัดส่งถึงลูกค้าหลายประเทศทั่วโลก 23 สิงหาคมนี้
เบ็ดเสร็จแล้ว Samsung ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมจึงต้องกำจัดช่องเสียบหูฟัง ขณะเดียวกันก็ไม่บอกใบ้อนาคตของลำโพง Galaxy Home เช่นเดียวกับแผนการวางจำหน่ายที่แน่นอนสำหรับ Galaxy Fold สมาร์ทโฟนพับได้ที่ Samsung เปิดตัวไว้แล้ว ทั้งหมดนี้อาจเป็นอีกส่วนที่ผู้บริโภคเองก็สับสนกับ Samsung เช่นกัน.