แม้จะยังไม่มีพันธมิตรมากมายอย่างใครเขา แต่เฟซบุ๊ก (Facebook) ไม่สนใจและเริ่มนำร่องทดลองบริการสมัครสมาชิกรับชมวิดีโอในรูปแบบมาร์เก็ตเพลสแล้วเรียบร้อย สื่อมองหากทำสำเร็จ Facebook จะสามารถชนอะเมซอน (Amazon) และแอปเปิล (Apple) ที่กำลังเน้นขยายบริการแนวคิด video subscription marketplace แบบจริงจังต่อเนื่อง
ในช่วงนำร่อง การทดสอบบริการสมัครสมาชิกชมวิดีโอของ Facebook นี้จะช่วยให้ผู้ใช้บางคนลงชื่อ sign up เพื่อชมวิดีโอของบริตบ็อกซ์ (BritBox) บริการสตรีมมิงใหม่ล่าสุดจากสถานีข่าวบีบีซี (BBC) และไอทีวี (ITV) ขณะเดียวกันก็มีบริการอินดี้รายย่อยแบบครบเครื่องเช่น CollegeHumor Dropout, MotorTrend App หรือ TasteMade Plus
รายงานระบุว่า ช่องสตรีมมิ่งรายย่อยเหล่านี้จะให้บริการโดยตรงผ่านทาง Facebook แทนที่จะเป็นช่องทางของตัวเองอย่างที่เคย ทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวทางเดียวกับ Amazon ที่เป็นรายแรกซึ่งบ่มเพาะให้แนวคิด video subscription marketplace ได้รับความนิยมสูงผ่านบริการชื่อชาเนลส์ (Channels) จนทำให้ Apple ตัดสินใจเลียนแบบจนเกิดเป็นบริการชื่อแอปเปิลทีวีชาแนลส์ (Apple TV Channels) ตามมา
นอกจาก 2 ยักษ์ใหญ่ออนไลน์ แนวคิดนี้ยังโดนใจบริการทีวีออนไลน์ที่คนอเมริกันคุ้นหูอย่างโรคุ (Roku) และเปิดตัวบริการ Roku Premium Subscriptions ในที่สุด
หลักการของ video subscription marketplace คือการขายสมาชิกชมวิดีโอ ด้วยการรวมช่องวิดีโอหลากหลายมาไว้ในที่เดียว โดยที่แต่ละช่องจะมีค่าบริการรับชมของตัวเองแตกต่างกัน ยกตัวอย่างบริการ Channels ของ Amazon พบว่าประกอบด้วย 140 ชาแนลที่มีราคาสมาชิกไม่เท่ากัน ซึ่งจะพร้อมชมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Prime Video บนแพลตฟอร์มทั้งทีวีจอใหญ่และอุปกรณ์พกพา
การเปลี่ยนมาให้บริการตลาดสมัครสมาชิกชมวิดีโอลักษณะนี้ทำให้เจ้าของแพลตฟอร์มใหญ่ไม่ต้องเจียดรายรับจากค่าสมัครสมาชิกปกติ ให้ผู้ผลิตวิดีโอหลายราย ขณะเดียวกันมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้สามารถช่วยให้บริการสตรีมรายเล็กมีโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากขึ้น และยังอำนวยความสะดวกเรื่องกระบวนการเรียกเก็บเงินได้ดี
กรณีของ Facebook เครือข่ายสังคมที่มีผู้ชมวิดีโอผ่าน Facebook Watch มากกว่า 140 ล้านรายต่อวัน ถูกตั้งความหวังว่าจะสามารถแปลงจำนวนผู้ใช้มหาศาลนี้ไปเป็นสมาชิกที่ชำระเงินได้ อย่างไรก็ตาม Facebook ถูกมองว่ายังไม่อาจบุกตลาดฮาร์ดแวร์สตรีมมิ่งทีวีได้เหมือนที่ต้นแบบ video subscription marketplace อย่าง Amazon และ Apple TV ทำได้ เพราะเวลานี้ Facebook ยังติดสัญญากับเครือข่ายทีวีหลักในสหรัฐฯเช่นเอชบีโอ (HBO) และโชว์ไทม์ (Showtime) เรื่องดีลสมาชิกบริการ
ดังนั้นหาก Facebook จะหันมารุกในตลาดฮาร์ดแวร์สตรีมมิ่งทีวีดังที่มีข่าวลือ ก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนข้อตกลงที่ต้องใช้เวลาพอสมควร