GET เดินหน้านำข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ มาพัฒนาระบบต่อเนื่อง หวังเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานประจำมากขึ้น พร้อมดึง ‘นนท์ ธนนท์’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ช่วยโปรโมทแอปให้รับรู้ในวงกว้าง มองส่งอาหารด้วยการเดินเท้ายังไม่เหมาะกับไทย เตรียมเพิ่มบริการใหม่สู่ตลาดเร็วๆนี้
นายภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GET กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดของบริการส่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน (Food Delivery) เติบโตถึง 6 เท่า ในขณะที่ GET Food ซึ่งเพิ่งเริ่มให้บริการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปริมาณการสั่งซื้ออาหารก็เติบโตถึง 168%
“กลุ่มเป้าหมายของ GET คือคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้จำกัดในเรื่องของอายุ แต่เป็นไลฟ์สไตล์ที่รวดเร็ว ใช้ชีวิตให้มากขึ้น กังวลให้น้อยลง อยากทานอะไรต้องได้ทาน รวมถึงผู้ที่ต้องการมองหารสชาติใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ในชีวิต"
ขณะเดียวกัน มองบริการเดินเท้าส่งอาหารอาจไม่เหมาะกับประเทศไทย ด้วยสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ระยะทาง 1 กิโลเมตรในการเดินส่งอาหาร อาจจะไม่เร็วเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ GET มองถึงการเพิ่มบริการในรูปแบบอื่นที่อยู่ระหว่างการเดินเท้า และรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาเสริมในเร็วๆนี้
ล่าสุด GET ได้มีการทำแคมเปญพิเศษขึ้นมาอย่าง “อยากกินอะไร สั่ง GET เลย” พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรก ‘นนท์ ธนนท์ จำเริญ’ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มแมส ด้วยการหันมาใช้บริการ Food Delivery ให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังร่วมกับ 4 เชฟชื่อดัง ทั้งเชฟต้น จากร้านบ้าน เชฟกิ๊ก จากร้านเลิศทิพย์ เชฟเปเปอร์ จากร้าน ICI และเชฟเก๊า หรือเฮียเก๊าจากร้านเจ๊โอว ด้วยการนำอาหารจานพิเศษ มานำเสนอเป็นเมนูพิเศษ “Only At GET เรื่องกินต้องเก็ท” เพื่อให้ผู้ที่ติดตามเชฟเหล่านี้ สามารถเข้าถึงรายการอาหารต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้นผ่านแอป
วงศ์ทิพพา วิเศษเกษม ผู้อำนวยการธุรกิจ GET FOOD กล่าวเสริมว่า ด้วยการที่ GET เป็นแอปพลิเคชันที่นำพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอรูปแบบการให้บริการที่เหมาะสม ทำให้ที่ผ่านมามีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ออกมาอยู่เรื่อยๆ
โดยจากข้อมูล ทำให้ GET แบ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้งานในแอปออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.Explorers หรือลูกค้าที่เข้ามาเพื่อค้นหาร้านอาหารประเภทที่อยากทานทันที มีสัดส่วนราว 58% 2.Chillaxer หรือลูกค้าที่ต้องการสั่งอาหาร แต่ไม่รู้จะทานอะไร 18% และ 3.Routine lovers 16% รู้อยู่แล้วว่าทานอะไรพร้อมเข้ามาสั่งทันที
“จากการแบ่งกลุ่มลูกค้าทำให้มีการพัฒนาฟีเจอร์ตามมาอย่างระบบค้นหาร้านอาหารให้แสดงผลร้านที่ตรงกับการค้นหาให้มากที่สุด ในระยะทางที่ใกล้ที่สุด อีกฟีเจอร์คือการนำเสนอข้อมูลร้านอาหารในรูปแบบ OMAKASE หรือเมนูที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย”
บนหลักการณ์ที่ว่าประสบการณ์ในการใช้แอป GET ต้องตรงไปตรงมา ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันอย่าง Multi Order ให้สามารถสั่งอาหารได้จาก 4 ร้านพร้อมกัน โดยไม่ต้องรอให้ทรานเซคชันแรกที่สั่งไปเสร็จก่อน
“สิ่งที่ GET ตั้งเป็นเป้าหมายไว้ในช่วงครึ่งปีหลังคือการสร้าง User Engagement หรือเข้ามาใช้งานภายในแอปให้มากขึ้น อย่างที่เห็นว่าก่อนหน้านี้มีการเข้าไปร่วมมือกับทางไทยพาณิชย์ให้บริการ GET Pay ก็จะขยายบริการอื่นๆเพิ่มขึ้นไปอีก”
ปัจจุบัน GET ให้บริการในรูปแบบของการเป็นออนดีมานด์แอปพลิเคชันในการเรียกรถวินมอเตอร์ไซค์ บริการส่งอาหาร ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวนลูกค้าใช้งานประจำกว่า 5 แสนราย
