xs
xsm
sm
md
lg

CS LOXINFO ปรับโฉมแบรนด์สู่ CSL 
ชูกลยุทธ์ 3S ปักหมุดเบอร์ 1 ผู้ให้บริการ One Stop ICT Service

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซีเอส ล็อกซอินโฟ ประกาศรีโพสิชันครั้งใหญ่ ปรับลุคสู่แบรนด์ ซีเอสแอล (CSL) พร้อมจัดทัพธุรกิจรุกตลาดลูกค้าองค์กร ปักหมุดขึ้นเบอร์ 1 ของประเทศ ในฐานะผู้ให้บริการ One Stop ICT Service แบบครบวงจร ชูกลยุทธ์ 3S เสริมแกร่งทั้ง Data Center และ Cloud Solutions, Managed Services, System Integration ให้แก่ธุรกิจองค์กรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เตรียมพร้อมแข่งขันในยุค Digital Transformation พร้อมเปิดตัว 2 Data Center แห่งใหม่ ด้วยจุดแข็ง “Carrier Neutral” ที่พร้อมเชื่อมต่อกับทุกโครงข่าย ออกแบบตามมาตรฐานสากล มั่นใจได้ถึงระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล


รีโพสิชัน CS LOXINFO สู่ CSL

นายสมชาย กิตติชัยกุลกิจ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ซีเอส ล็อกซอินโฟ เปิดเผยว่า เราได้รีโพสิชันผ่านโลโก้และแบรนด์ใหม่ จาก CS LOXINFO สู่ CSL โดยเลือกใช้สีส้มและสีเขียวมาประกอบเป็นโลโก้ ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงและทันสมัยยิ่งกว่าเดิม เพื่อสร้างการจดจำให้กับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ จากความแข็งแกร่งที่เรามี เมื่อรวมกับการที่ CSL ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่มของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้าน Digital Infrastructures ที่ทรงประสิทธิภาพเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ได้แก่ เครือข่าย Mobile ในฐานะผู้ให้บริการที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของโครงข่าย Fiber Optic ความยาวมากกว่า 160,000 ก.ม.ทั่วประเทศ

พร้อมให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกรายแรกของไทย จึงพร้อมตอบสนองการใช้งานของธุรกิจทุกภูมิภาคทั่วไทย ทั้งการรับส่งข้อมูลระหว่างสาขาภายในประเทศและการส่งข้อมูลระหว่างประเทศ ด้วยแบนด์วิธในประเทศ (NIX) ที่ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับการใช้งานในประเทศถึง 2.9 Tbps และแบนด์วิธระหว่างประเทศ (IIG) ขนาด 1.2 Tbps รวมถึงการที่เอไอเอสมีเครือข่าย IoT ทั้งโครงข่าย eMTC และ NB-IoT ที่ทรงประสิทธิภาพ ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นรายแรกและรายเดียวในไทย

ทั้งหมดนี้ จึงทำให้เรามั่นใจว่า CSL จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตในกลุ่มการให้บริการลูกค้าองค์กรของเอไอเอส ซึ่งมีอยู่ 1.1 แสนราย ได้อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งในด้านบริการ Data Center ซึ่งเปรียบเสมือน Backbone ของการให้บริการ Cloud, บริการหลังการขาย หรือ Managed Services และบริการ System Integration ซึ่งจะช่วยเติมเต็มให้ลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุค Digital Transformation พร้อมก้าวสู่การเป็นเบอร์ 1 ในตลาดลูกค้าองค์กรอย่างแน่นอน

“จากศักยภาพของ Digital Infrastructures ในกลุ่ม เอไอเอส ตั้งแต่โครงข่ายหลักและบุคลากรมืออาชีพที่พร้อมดูแลธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการต่อยอดธุรกิจ รับ Digital Disruption ทำให้มั่นใจได้ว่าเราแข็งแกร่งยิ่งกว่ารายอื่นในตลาดอย่างแน่นอน” นายสมชาย กล่าว



ชูกลยุทธ์ 3S สู่ผู้นำ One Stop ICT Service

นายสมชาย กล่าวว่า ในฐานะผู้ให้บริการ ICT แก่ตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์ กว่า 5,000 รายในทุกอุตสาหกรรม อาทิ สายการบิน การเงิน กลุ่มธนาคาร เราให้ความสำคัญกับการมอบบริการที่เหนือกว่าในทุกมิติให้แก่ลูกค้าองค์กร ด้วยความพร้อมด้านประสบการณ์การทำงานกว่า 25 ปี จึงเข้าใจความต้องการของแต่ละธุรกิจเป็นอย่างดี รวมถึงการมี Peopleware ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถเห็นปัญหาได้ไว แก้ไขได้รวดเร็ว และตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด และมีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำบริการ One Stop ICT Service แบบครบวงจร เป็นผู้ช่วยนำพาองค์กรและภาคธุรกิจไทยก้าวผ่านปัญหาไอทีในยุค Digital Disruption ภายใต้กลยุทธ์ 3Ss อันประกอบด้วย

S-Data Center & Cloud Solutions บริการ Data Center และ Cloud Solutions ที่สามารถ customized ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละกลุ่มธุรกิจ พร้อมให้คำปรึกษาได้อย่างครบวงจร ด้วยจุดแข็งของการบริการที่ไม่เหมือนใคร ได้แก่

เป็นผู้ให้บริการที่มี Data Center ในไทยจำนวนมากที่สุด (The Most Multi-Locations Data Centers across Thailand) รวม 9 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมขยายบริการออกไปสู่ภูมิภาค ให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานได้สะดวกตามความเหมาะสม อีกทั้งยังได้รับการการันตีมาตรฐานการบริการระดับสากล ISO 9001, ISO/IEC 20000-1, ISO/IEC 27001, ISO 22301, ISO 50001, ISO 14001 และ CSA Star

เปิดกว้างให้เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโครงข่ายได้ทุกราย (Carrier Neutral Provider) ลูกค้าองค์กรจึงสามารถเลือกใช้บริการโครงข่ายจากผู้ให้บริการที่ต้องการได้อย่างไร้ข้อจำกัด ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ให้บริการที่มีการเชื่อมต่อระบบแล้วจำนวนมาก เช่น TOT, CAT, True, UIH, Jastel, Interlink, Symphony, ALT Telecom และ AWN

พร้อมเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างสมาชิกและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั้งในและต่างประเทศผ่านบริการ CSL Thai-IX ติดสปีดการเชื่อมต่อในต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ได้ประสิทธิภาพเหนือกว่า พร้อมคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง หมดกังวลเรื่องต้นทุนส่วนเกิน ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

บริการ Hybrid Cloud Solutions รวมความสามารถของ Private Cloud, Cloud On-premise และ Public Cloud เข้าด้วยกัน จึงตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและสามารถยืดหยุ่นได้ตามการใช้งาน ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำระดับโลก ทั้ง Microsoft Azure, VMware, AWS ทำให้ต้นทุนต่ำลง และยังสามารถขยาย Capacity ได้ตามต้องการ เพื่อรองรับโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ในอนาคต

S-Managed Service บริการทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลอย่างครบวงจร ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยประสบการณ์การให้บริการกับองค์กรชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรมสำคัญ จึงสามารถให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง หรือย้ายระบบตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมดูแลระบบให้หลังการขาย ครอบคลุมการบริหารจัดการทั้งระบบ LAN/WAN, SD-WAN, Firewall, Data Center, Cloud On-Premise และ Cloud Services

S-System Integration บริการผสานนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการด้าน IT Solutions ที่มีชื่อเสียงระดับโลก นำเสนอโซลูชั่นครบวงจรแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Turnkey ทั้ง Computer Hardware, Software, Cloud Solutions, Security Solutions, อุปกรณ์สื่อสาร Network และ Cabling ให้ลูกค้าเลือกได้ตามตามความต้องการในราคาที่เข้าถึงได้

เปิด ดาต้า เซ็นเตอร์ใหม่ 2 แห่ง

ยิ่งไปกว่านั้น ซีเอสแอลยังได้เปิดตัว 2 Data Center แห่งใหม่ ที่มาพร้อมจุดแข็ง “Carrier Neutral” สามารถเชื่อมต่อกับทุกโครงข่าย ด้วยการออกแบบตามมาตรฐานสากล จึงมั่นใจได้ถึงระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ประกอบด้วย

TELLUS 2 ออกแบบตามมาตรฐานสากล TIA- 942A กับดีไซน์แบบ Modular สามารถขยายพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความจุสูงสุด 1,000 racks พร้อมรองรับการขยายตัวของงานด้าน IT ตามความต้องการขององค์กรทุกขนาด มาพร้อมระบบ Facilities ต่าง ๆ ที่ออกแบบมาให้รองรับ Fully Fault-Tolerant จึงการันตีเสถียรภาพของการให้บริการ และ Service Availability ที่สูงสุด พร้อมให้บริการด้วยมาตรฐาน ISO 20000, ISO 22301 และ ISO 27001

The Cloud B ต่อยอดความสำเร็จจาก The Cloud A สู่อาคาร The Cloud B ที่มีความจุมากกว่า 350 racks รองรับการขยายตัวของธุรกิจลูกค้าองค์กรและการเติบโตของเทคโนโลยี Cloud, AI, และ IoT การันตีด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของข้อมูล ISO 27001 ตัวอาคารยังผ่านมาตรฐานการบริหารจัดการด้านพลังงาน ISO 50001 อีกด้วย

สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจใช้บริการ CSL สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2263-8185, presales@csl.co.th หรือที่เว็บไซต์ www.csl.co.th


กำลังโหลดความคิดเห็น