เจมาร์ท โมบาย ปรับกลยุทธ์ สร้างกำไรมากกว่ายอดขาย หลังทยอยปิดสาขาที่ไม่มีกำไรลงแล้วกำไรดีขึ้น พร้อมทั้งปรับกระบวนการทำงานของพนักงานและฝ่ายขาย ปรับโฉมสาขาให้เป็นมากกว่าร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ด้วยการเสริมสินค้าอุปกรณ์เสริมมากขึ้น เร่งกระตุ้นการซื้อด้วยการจัดแคมเปญนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ จับมือ พันธมิตรมอบส่วนลด 5 ต่อ
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด บริษัทในเครือบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท คาดยอดขายโทรศัพท์มือถือในปีนี้น่าจะทรงตัว จากยอดขายโทรศัพท์มือถือโดยรวมที่คาดว่าจะหดตัวลง ประมาณ 10% หรือคิดเป็น 17 ล้านเครื่อง ส่งผลทำให้มูลค่าตลาดรวมในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 5% หรือ 150,000 ล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง และการแข่งขันที่สูงอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดแบรนด์ช้อปมากขึ้น
บริษัทจึงได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ ด้วยการหันมามุ่งเน้นการสร้างกำไรมากกว่ายอดขาย มีการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ทั้งร้านเจมาร์ โมบาย และเจคาเมร่า ซึ่งตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2561 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2562 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปจนครบแล้วจำนวน 20 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้นอยู่ที่ 200 สาขา และอยู่ระหว่างการประเมินเพื่อปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา โดยประเมินจากการทำกำไรของแต่ละสาขาเป็นหลัก
กลยุทธ์ดังกล่าว ทำให้บริษัทเริ่มกลับมามีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2562 จากไตรมาส 4 ปี 2561 ที่มีผลขาดทุน และคาดว่าไตรมาส 2 ปีนี้ ผลการดำเนินงานน่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงในครึ่งปีหลังนี้ก็น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการมุ่งเน้นในเรื่องของการทำงานของพนักงาน ทั้งฝ่ายขาย ด้านบุคลากร การลงพื้นที่ทั่วประเทศ การเพิ่มยอดขายต่อสาขาเดิม คาดว่ายอดขายต่อสาขาเดิมเติบโต 10%
นอกจากนี้ยังมาจาก การนำสินค้าแบรนด์ ไอโฟน ไปจำหน่ายในสาขาต่างจังหวัดมากขึ้น หรือเพิ่มช่องทางการขายให้กับสินค้าในแบรนด์ที่จำหน่ายได้ และปรับโฉมร้านเจมาร์ท โมบาย ให้เป็นมากกว่าร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว จากการนำสินค้าอุปกรณ์เสริม (Gadget) เพิ่มเข้าไปในสาขามากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากการขายสินค้าแกดเจ็ตในปี 2563 จะเติบโตเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% ตามการขยายเข้าไปในสาขา ที่ปัจจุบันมีอยู่ 80 สาขา และเพิ่มหมวดสินค้าประเภทเกมมิ่ง รวมถึงการ senergy ร่วมกันกับบริษัทในเครือเจมาร์ท เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า
นายนราธิป กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนเปิดสาขาเจมาร์ท โมบายเพิ่มอีกเดือนละ 1 สาขา โดยเริ่มตั้งแต่เดือนก.ค.นี้เป็นต้นไป ด้วยงบลงทุนสาขาละ 1.5 ล้านบาท อีกทั้งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่ส่วนใหญ่แบรนด์สินค้าจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีมูลค่าสูง บริษัท ก็เตรียมออกแคมเปญในช่วงดังกล่าว เพื่อกระตุ้นยอดขายด้วย
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุน 5 ล้านบาท จัดแคมเปญฉลองครบรอบ 30 ปี ในเฟสที่ 2 อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ชื่อ “เจมาร์ท จัดดีลใหญ่ เก่าแลกใหม่ ลด 5 ต่อ” เริ่มตั้งแต่ 26 ก.ค. - 6 ต.ค.2562 โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ ทั้งบริษัทรับซื้อมือถือมือสองอันดับหนึ่งของประเทศ และแบรนด์มือถือชั้นนำ
รวมถึงบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในการมอบแพกเกจสุดคุ้ม เพื่อเป็นการยกระดับความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคที่ต้องการอัปเกรด หรือเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ โดยมีสิทธิพิเศษจากเจมาร์ท คือ ลูกค้าสามารถนำโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ได้ฟรี หรือแลกรับส่วนลดพิเศษเพิ่ม 5 ต่อ ได้แก่ เก่าแลกใหม่รับส่วนลดสูงสุด 32,000 บาท, รุ่นที่ร่วมรายการ รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท เมื่อลูกค้านำมือถือเครื่องเก่ามาแลกซื้อมือถือใหม่ เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ, สมัครแพกเกจ AIS สุดคุ้ม รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 50%, ลูกค้าสมาชิกผู้ถือบัตร Enjoy Card รับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท และบัตรเครดิตลดเพิ่ม และผ่อนสบายๆ กับบัตรที่ร่วมรายการ โดยบริษัท ตั้งเป้ายอดขายในช่วงการจัดแคมเปญเติบโต 20% จากไตรมาสก่อนหน้า