เทรนด์ไมโคร (Trend Micro) เปิดตัวโซลูชันใหม่ “เอเพ็กซ์ วัน” เพื่อจัดเต็มการรักษาความปลอดภัยที่ระดับผู้ใช้ปลายทางหรือ Endpoints ทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์พกพาหลากรูปแบบ และหลายระบบปฏิบัติการภายใต้เอเจนต์ตัวเดียว การันตีผสม 4 โซลูชันดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI และ ML เพื่อทำงานทั้งบนคลาวด์และเครือข่ายองค์กร ช่วยตอบสนองภัยแบบอัตโนมัติและตรวจหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อป้องกันภัยแบบรัดกุม ตั้งเป้ารักษาฐานลูกค้าเก่าและบุกหนักลูกค้าใหม่บนฐานการเติบโตเป็นเลข 2 หลักในปีนี้
ปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดไทยในช่วงปีนี้หลังจากเปิดตัวโซลูชันล่าสุด Apex One ว่าปัจจุบันฐานลูกค้าเทรนด์ ไมโครที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ Apex One นั้นมีจำนวนมากอยู่แล้ว ความคาดหวังของการเปิดตัว Apex One จึงเป็นการรักษาลูกค้าเดิม และดึงลูกค้าใหม่ เหตุผลเพราะ Apex One มีฟีเจอร์เด่นหลากหลาย ซึ่งหวังว่าจะได้ลูกค้าใหม่จากตลาด Endpoint และตลาด EDR ที่จะขยายตลาดมากขึ้น
“ลูกค้าหลักในไทยของเราตอนนี้เป็นกลุ่ม Mid Market กลุ่มที่เป็นลูกค้าใหญ่อยู่ที่หลักหมื่นราย เราเริ่มทำตลาด Apex One ตั้งแต่ต้นปี โดยตั้งเป้าให้ Apex One โตที่มิดมาร์เก็ตให้ได้เป็นเลข 2 หลัก”
สำหรับ Apex One ที่เทรนด์ ไมโครเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นถือเป็นครั้งแรกที่นำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (ML) มาเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีใหม่ที่ผสมกับเทคโนโลยีเดิมที่มีในโซลูชันเดิมของเทรนด์ ไมโคร แปลอีกทางคือ Apex One ถือเป็นเวร์ชันล่าสุดที่เปลี่ยนชื่อจากโซลูชันเดิมของบริษัทคือ Office Scan 2 และยังมีการดึงเอาฟีเจอร์ที่อยู่ในสินค้าย่อย 4 ตัวของเทรนด์ ไมโคร มารวมในตัวเดียว เป็นทางเลือกหลักให้ลูกค้าเก่าสามารถอัปเกรดได้เลย
ในภาพรวม Apex One เป็นโซลูชันที่มีจุดเด่น 3 ส่วน คือ 1. สามารถตรวจจับและตอบสนองการโจมตีได้แบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะการโจมตีจาก ”มัลแวร์แบบไร้ไฟล์” 2. การให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปต่อยอดการจัดการซีเคียวริตี้ได้ละเอียด ช่วยให้เจ้าหน้าที่ไอทีองค์กรสามารถตามล่ากำจัดอันตราย รวมถึงตรวจสอบสถานการณ์ได้เร็วขึ้น 3. ความครบวงจร เพราะมีฟีเจอร์หลากหลายรวมอยู่ในเอเจนต์เดียว ช่วยให้ติดตั้งง่ายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตัดปัญหาเรื่องเนื้อที่จัดเก็บ Log มหาศาล
”มัลแวร์แบบไร้ไฟล์” หรือ Fileless นี้ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการโจมตีมาแรงระดับโลกที่กำลังแพร่หลาย การโจมตีแบบไม่ต้องใช้ไฟล์จะใช้เทคนิกเจาะระบบแบบหลายขั้น อาจจะเจาะที่ผู้เกี่ยวข้องกับเป้าหมายเช่น เวนเดอร์ หรือซัปพลายเออร์รอบตัวบริษัทที่เป็นเป้าหมาย เพื่อให้สามารถเจาะโจมตีเป้าหมายได้แบบแนบเนียน โดยนอกจาก Fileless ยังมีรูปแบบการโจมตีมาแรงชื่อเลเทอรัลมูฟเมนต์ (Lateral movement) หรือการโจมตีแบบรอดูก่อน ว่ามีเครือข่ายเชื่อมต่ออยู่เยอะหรือไม่ แล้วจึงค่อยหวนกลับมาโจมตีใหม่อีกครั้ง รูปแบบนี้ถือว่าน่ากังวลสำหรับองค์กรที่ประณีประนอมเรื่องการรักษาความปลอดภัย
ภัยคุกคามส่วนใหญ่ของประเทศไทยนั้นต่างจากภัยของอาเซียนที่ส่วนใหญ่เดือดร้อนจากภัยคุกคามที่เป็นแรนซัมแวร์ หรือซอฟต์แวร์เรียกค่าไถ่ แต่ในไทย มัลแวร์สัดส่วนใหญ่ที่สุดคือคอยน์ไมเนอร์ (Coinminer) หรือมัลแวร์ที่มาโดยใช้ระบบขุดเงินดิจิทัลเป็นตัวตบตา สะท้อนว่าคนไทยยังมองว่าเงินคริปโตมีความน่าสนใจอยู่ มัลแวร์ที่ได้รับความนิยมในไทยรองลงมาคือมัลแวร์ที่เกี่ยวข้องกับการเงินการธนาคาร รองอันดับ 3 จึงเป็นแรนซัมแวร์
ในภาพรวม ทิศทางภัยโจมตีไซเบอร์เทรนด์โลกมองได้เป็น 3 ส่วน คือ 1. ภัยโจมตีวันนี้มากับเทคโนโลยีที่มีพัฒนาการรวดเร็ว 2. ในตลาดมีเครื่องมือป้องกันการโจมตีจำนวนมากแต่องค์กรยังไม่สามารถบริหารจัดการได้ และ 3. การขาดทักษะด้านซีเคียวริตี้ในองค์กร ทั้งหมดนี้ทำให้เทรนด์ ไมโครต้องการเสนอภาพลักษณ์ธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้แนวใหม่ที่เน้นแก้ทุกความเสี่ยงในภาพรวม โดยเปลี่ยนจากมุมที่น่ากลัว มาเป็นมุมที่สวยงามกว่าเดิมด้วยการมองภาพใหญ่และวางแผนดี กลายเป็นคอนเซ็ปต์ล่าสุดของเทรนด์ไมโคร.
