xs
xsm
sm
md
lg

Huawei คงกระพัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฆ่าไม่ตาย ฟันแทงไม่เข้า แถมหัวเว่ย (Huawei) ยังเชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเดิมทั้งที่โดนพิษสงครามการค้าจากพญาอินทรีจนโลกประเมินว่าโคม่าแน่นอน ล่าสุดผู้บริหาร Huawei ทั้งในระดับโลกและในประเทศไทยออกมายืนยันว่าบริษัทไม่เจ็บไม่ปวดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในระดับโลก CEO Huawei คุยฟุ้งว่าระบบปฏิบัติการใหม่ HongMeng OS จะเป็นระบบปฏิบัติการที่เร็วและดีกว่า Android และ iOS ขณะที่ผู้บริหารที่ดูแลตลาดคอนซูเมอร์ไทยปฏิเสธข่าวบุคลากรไทยตบเท้าลาออก เช่นเดียวกับข่าวลือว่าดีลเลอร์ไทยไม่สต็อกมือถือ Huawei ว่าไม่เป็นความจริง

การยืนยันว่าตัวเองแข็งแกร่งมากของ Huawei เกิดขึ้นหลังจากที่ Huawei ได้รับผลกระทบทั่วโลกจากการถูกขึ้นบัญชี Entity List ของรัฐบาลสหรัฐฯตั้งแต่ 15 พฤษภาคม 2019 ซึ่งเป็นบัญชีที่ไม่อนุญาตให้บริษัทอเมริกันจำหน่ายสินค้า บริการ หรือเทคโนโลยีกับบริษัทที่อยู่ในรายการ EL นี้ หนึ่งในผลกระทบที่ทิ่มตำ Huawei มากที่สุดคือตลาดคอนซูเมอร์ เพราะบริโภคกังวลกันมากว่าสมาร์ทโฟน Huawei อาจใช้บริการของกูเกิล (Google) และเฟซบุ๊ก (Facebook) ไม่ได้ในอนาคต

ความหวั่นใจของผู้บริโภคทำให้บูธจำหน่ายสินค้า Huawei ไทยหงอยเหงาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ภาวะหงอยเหงานี้เกิดขึ้นทั่วโลกจนการสำรวจเบื้องต้นพบว่ายอดการส่งมอบสมาร์ทโฟนลดลงราว 30-60% แต่ตัว Huawei กลับปฏิเสธว่าไม่จริง จนกระทั่งถึงวันนี้ที่มีสัญญาณว่า Huawei อาจดำเนินธุรกิจได้ผ่อนคลายขึ้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกลางงานประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ญี่ปุ่น ว่าจะยกเลิกข้อจำกัดบางส่วนที่ห้ามบริษัทอเมริกันขายเทคโนโลยีและชิ้นส่วนประกอบให้กับ Huawei โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยทรัมป์ระบุชัดว่าบริษัทสหรัฐฯจะสามารถขายอุปกรณ์ให้กับ Huawei ได้ ตราบใดที่การทำธุรกรรมไม่ได้นำไปสู่ "ปัญหาฉุกเฉินระดับประเทศที่ยิ่งใหญ่"

ผ่อนคลายหรือตึงเครียดก็ไม่มีผล

นายหวาง ยี่โซว ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทยยืนยันว่าการผ่อนปรนที่เกิดขึ้นไม่มีผลใดกับธุรกิจสมาร์ทโฟนหัวเว่ย เรียกว่าจะผ่อนปรนหรือตึงเครียด บริษัทก็ยังคงยืนกำหนดการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่เช่นเดิม และยังมีแผนทำตลาดแคมเปญประจำปีเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ไม่รู้ว่าแกล้งปากแข็งหรือเปล่า แต่หวางย้ำว่า 2-3 สัปดาห์ที่มีปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐฯ Huawei ไทยยังจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ดี โดยส่วนแบ่งตลาดหัวเว่ยในไทยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากที่ทำได้ 15% ในปีก่อนหน้า แต่ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขก่อนเกิดวิกฤติ (สถิติ 30 พฤษภาคม 2019)
หวาง ยี่โซว ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย
หวางยังปฏิเสธข่าวดีลเลอร์ไทยไม่สต็อกสมาร์ทโฟน Huawei ว่าไม่เป็นความจริง เพราะ Huawei ยังคงประชุมกับพันธมิตรไทยเพื่อทำแคมเปญส่งเสริมการขายต่อเนื่อง แคมเปญล่าสุดคือการให้การันตีพิเศษคืนเงินเต็มจำนวนใน 2 ปีหากพบปัญหาใช้บริการในเครือ Google-Facebook ไม่ได้ และงาน Huawei Grand Sale ที่จะอัดฉีดงบเพิ่มขึ้น 50% ซึ่งเป็นการอัดฉีดงบประมาณเพิ่มที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ

"สิ่งที่หัวเว่ยทำตอนนี้คือการทำให้ชัดเจน ว่านี่คือโอเพ่นแพลตฟอร์มที่ไม่มีปัญหา หลายคนข้องใจว่าทำไมเราแข็งแรงจัง แต่นี่คือเรื่องจริง เรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เราฆ่าไม่ตาย ไม่มีใครล้มได้ สถานการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น"

การันตีพิเศษเรื่องกูเกิล

สำหรับประเทศไทย หวางให้ข้อมูลว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้ผ่านพันธมิตรอย่างซินเน็กซ์ เจย์มาร์ท ทีจีโฟน คอมเซเว่น ซีเอสซี และโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ 2 ราย (เอไอเอสและทรู) ที่ขานรับสนับสนุนหัวเว่ยด้วยการประกาศเปิดตัวแคมเปญรับประกันเงินคืนเต็มจำนวนนาน 2 ปีให้ลูกค้าใหม่ โดยจะคืนเงินให้เต็มจำนวนหากพบปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน หรืออัปเดทแอปพลิเคชันหลักจาก Google และ Facebook

Huawei ไม่ตอบคำถามว่าหลังจาก 2 ปีผ่านไปแล้ว ผู้บริโภคจะมีหลักประกันใดว่าสมาร์ทโฟน Huawei จะยังใช้บริการของ Google และ Facebok ได้ต่อเนื่อง โดยระบุเพียงว่าระยะเวลาการันตี 2 ปีนั้นกำหนดตามกฏหมาย ไม่ได้ขยายให้มากกว่านี้เพราะต้องการสร้างความมั่นใจว่าทำได้จริง เชื่อว่าเป็นระยะเวลาที่สามารถเรียกความมั่นใจจากผู้บริโภคได้

นอกจากนี้ Huawei ยังเปิดแคมเปญ Huawei Grand Sale ตั้งแต่ปลาย 28 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม เพื่อลุ้นรางวัลรายสัปดาห์ การกระตุ้นยอดขายทั้งหมดนี้จัดขึ้นบนงบประมาณที่มากกว่าช่วงปีที่แล้วราว 50%

หากมองที่งบการตลาดรวมทั้งปี Huawei ระบุว่าช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มงบประมาณมากขึ้นกว่าปีที่แล้วราว 40% คาดว่าในภาพรวม การลงทุนด้านการตลาดทั้งปี 2019 จะเพิ่มขึ้นราว 20-30% ซึ่งเป็นอัตราปกติเมื่อคำนวณรวมปัจจัยอย่างเงินเฟ้อและการลงทุนสร้างร้านสาขา

ทุกอย่างเหมือนเดิม

ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ผู้บริหาร Huawei ระบุว่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พร้อมบริการในเครือ Google เช่นเดิม เหตุผลที่ Huawei ไม่เริ่มทำตลาดระบบปฏิบัติการใหม่ที่ถูกเรียกแบบไม่เป็นทางการว่าแผน 2 (Plan B) เนื่องจากมองว่าระบบดั้งเดิมทำได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แผน 2 ซึ่งหากเกิดเหตุจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ ก็จะหยิบแผน 2 ขึ้นมาใช้ได้ทันที

หวางย้ำว่าส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟน Huawei ในประเทศไทยยังเติบโตได้ดี เห็นได้ชัดจากยอดขายเรือธงรุ่นใหม่อย่าง P30 ที่มียอดสั่งจองมากขึ้น 2.5 เท่า ยังมีการกระตุ้นด้วยแคมเปญต่อเนื่องตามปกติ เชื่อว่าจะดึงความมั่นใจของผู้บริโภคให้กลับมาได้

"ระยะยาวก็ไม่มีปัญหา ผลกระทบจากเรื่องนี้ถือว่าน้อยมากไม่ถึง 10% ธุรกิจสมาร์ทโฟนในจีนของHuawei ก็ดีขึ้นมาก เพราะสงครามการค้าทำให้ยิ่งเติบโต" หวางทิ้งท้าย "เป็นข่าวลือทั้งหมดที่บอกว่าดีลเลอร์ไม่สต็อกสินค้า Huawei เพราะเรามีประชุมกับพันธมิตรตลอด ข่าวบุคลากรไทยลาออกก็เป็นการเปลี่ยนงานตามปกติ และใน Huawei ยังมีบุคลากรไทยหลายคน"

OS ใหม่แรงแน่นอน

ในขณะที่หวางแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องระบบปฏิบัติการใหม่ของ Huawei "เหริน จิ้งเฟย (Ren Zhengfei) CEO Huawei กลับแสดงความมั่นใจกับสื่อมวลชนว่าระบบปฏิบัติการ HongMeng OS ของ Huawei จะเป็นระบบปฏิบัติการที่เร็วและดีกว่า Android และ iOS
Ren Zhengfei (เหริน จิ้งเฟย) CEO Huawei
คำให้สัมภาษณ์นี้ปรากฏในสื่อฝรั่งเศสชื่อ Le Point ซึ่งเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ CEO ใหญ่ Huawei ที่เล่าถึงรายละเอียดสำคัญเรื่องทิศทางของบริษัทต่อการจัดการปัญหากับสหรัฐอเมริกา ว่าบริษัทได้พัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเองชื่อ HongMeng OS โดยสร้างมาให้ใช้งานกับหลายอุปกรณ์ ไม่ใช่เพียงแค่สมาร์ทโฟน แต่ยังมีแผงวงจร ระบบเครือข่าย เราท์เตอร์ และซอฟท์แวร์สำหรับศูนย์ข้อมูลด้วย

เมื่อถามถึงประสิทธิภาพของ HongMeng OS เจ้าพ่อ Huawei มั่นใจว่าจะแรงดีกว่า Android และ iOS โดยใช้คำว่า “เป็นไปได้มาก” โดยให้ข้อมูลเพิ่มว่า HongMeng OS ถูกใช้งานจริงแล้วในประเทศจีน แต่ไม่ระบุชัดว่าทดสอบกับสินค้ากลุ่มใดเพิ่มเติม

Huawei เพิ่งจะจดทะเบียนชื่อระบบปฏิบัติการ HongMeng OS ในหลายประเทศช่วงพฤษภาคมปี 2019 (รวมถึงประเทศไทยด้วย) เอกสารระบุชัดเจนว่า HongMeng OS จะถูกใช้งานกับอุปกรณ์หลายชนิด ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต พีซี อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์ IoT และสินค้าอื่นด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น