หัวเว่ย (Huawei) รับบทคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ยืนยัน 2-3 เดือนที่มีปัญหาสงครามการค้ากับสหรัฐฯยังขายได้ดี โดยส่วนแบ่งตลาดหัวเว่ยในไทยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากที่ทำได้ 15% ในปีก่อนหน้า ปฏิเสธข่าวดีลเลอร์ไทยไม่สต็อกสมาร์ทโฟนหัวเว่ยว่าไม่จริงเพราะมีการประชุมพันธมิตรเพื่อทำแคมเปญต่อเนื่อง ล่าสุดคือการให้การันตีพิเศษคืนเงินเต็มจำนวนใน 2 ปีหากพบปัญหาใช้กูเกิล-เฟซบุ๊กไม่ได้ และงาน Huawei Grand Sale ที่จะอัดฉีดงบเพิ่มขึ้น 50% ย้ำชัดการอัดฉีดงบประมาณเพิ่มในปีนี้เป็นเรื่องปกติ และการผ่อนปรนไม่มีผลใดกับธุรกิจสมาร์ทโฟนหัวเว่ย โดยบริษัทยังคงยืนกำหนดการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นายหวาง ยี่โซว ผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและลบจากท่าทีผ่อนปรนของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อาจจะยกเลิกข้อจำกัดบางส่วนที่ห้ามบริษัทอเมริกันขายเทคโนโลยีและชิ้นส่วนประกอบให้กับหัวเว่ย โดยยืนยันว่าสถานการณ์ทั้งหมดมีผลกับหัวเว่ยน้อยมาก ซึ่งหัวเว่ยในประเทศไทยก็ยังมีกำหนดการเปิดตัวสินค้าใหม่ และวางแผนลงทุน รวมถึงการทำโปรโมชันตามปกติ
"สิ่งที่หัวเว่ยทำตอนนี้คือการทำให้ชัดเจน ว่านี่คือโอเพ่นแพลตฟอร์มที่ไม่มีปัญหา หลายคนข้องใจว่าทำไมเราแข็งแรงจัง แต่นี่คือเรื่องจริง เรามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า เราฆ่าไม่ตาย ไม่มีใครล้มได้ สถานการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น"
การันตีพิเศษเรื่องกูเกิล
สำหรับประเทศไทย หวางให้ข้อมูลว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้ผ่านพันธมิตรอย่างซินเน็กซ์ เจย์มาร์ท ทีจีโฟน คอมเซเว่น ซีเอสซี และโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ 2 ราย (เอไอเอสและทรู) ที่ขานรับสนับสนุนหัวเว่ยด้วยการประกาศเปิดตัวแคมเปญรับประกันเงินคืนเต็มจำนวนนาน 2 ปีให้ลูกค้าใหม่ โดยจะคืนเงินให้เต็มจำนวนหากพบปัญหาเกี่ยวกับการใช้งาน หรืออัปเดทแอปพลิเคชันหลักจากกูเกิลและเฟซบุ๊ก
หัวเว่ยไม่ตอบคำถามว่าหลังจาก 2 ปีผ่านไปแล้ว ผู้บริโภคจะมีหลักประกันใดว่าสมาร์ทโฟนหัวเว่ยจะใช้บริการของกูเกิลและเฟซบุ๊กได้ต่อเนื่อง โดยระบุเพียงว่าระยะเวลาการันตี 2 ปีนั้นกำหนดตามกฏหมาย ไม่ขยายให้มากกว่านี้เพราะต้องการสร้างความมั่นใจว่าทำได้ เชื่อว่าเป็นระยะเวลาที่สามารถเรียกความมั่นใจจากผู้บริโภคได้
นอกจากนี้ หัวเว่ยเพิ่งเปิดแคมเปญ Huawei Grand Sale ตั้งแต่ปลาย 28 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม เพื่อลุ้นรางวัลรายสัปดาห์ การกระตุ้นยอดขายทั้งหมดนี้จัดขึ้นบนงบประมาณที่มากกว่าช่วงปีที่แล้วราว 50%
หากมองที่งบการตลาดรวมทั้งปี หัวเว่ยระบุว่าช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มงบประมาณมากขึ้นกว่าปีที่แล้วราว 40% คาดว่าในภาพรวม การลงทุนด้านการตลาดทั้งปี 2019 จะเพิ่มขึ้นราว 20-30% ซึ่งเป็นอัตราปกติเมื่อคำนวณรวมปัจจัยอย่างเงินเฟ้อและการลงทุนสร้างร้านสาขา
ทุกอย่างเหมือนเดิม
ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ผู้บริหารหัวเว่ยระบุว่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พร้อมบริการในเครือกูเกิลเช่นเดิม เหตุผลที่หัวเว่ยไม่เริ่มทำตลาดระบบปฏิบัติการใหม่ที่ถูกเรียกแบบไม่เป็นทางการว่าแผน 2 (Plan B) เนื่องจากมองว่าระบบดั้งเดิมทำได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แผน 2 ซึ่งหากเกิดเหตุจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ ก็จะหยิบแผน 2 ขึ้นมาใช้ได้ทันที
หวางย้ำว่าส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนหัวเว่ยในประเทศไทยยังเติบโตได้ดี เฉพาะช่วงครึ่งแรกของปี 2019 (สิ้นสุด 30 พฤษภาคม 2019) บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดไทยเกิน 20% จากที่เคยทำได้ 15% ในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายเรือธงใหม่อย่าง P30 ก็มียอดสั่งจองมากขึ้น 2.5 เท่า ยังมีการกระตุ้นด้วยแคมเปญ เชื่อว่าจะดึงความมั่นใจของผู้บริโภคให้กลับมาได้
"ระยะยาวก็ไม่มีปัญหา ผลกระทบจากเรื่องนี้ถือว่าน้อยมากไม่ถึง 10% ธุรกิจสมาร์ทโฟนในจีนของหัวเว่ยก็ดีขึ้นมาก เพราะสงครามการค้าทำให้ยิ่งเติบโต" หวางทิ้งท้าย "เป็นข่าวลือทั้งหมดที่บอกว่าดีลเลอร์ไม่สต็อกสินค้าหัวเว่ย เพราะเรามีประชุมกับพันธมิตรตลอด ข่าวบุคลากรไทยลาออกก็เป็นการเปลี่ยนงานตามปกติ และในหัวเว่ยยังมีบุคลากรไทยหลายคน"
