ตามติดหลากประเด็นต่อจากข่าว "โจนี ไอฟ์" เตรียมโบกมือลาแอปเปิลช่วงปลายปี เริ่มที่หุ้นแอปเปิลตกแบบเห็นชัดหลังจากข่าวถูกประกาศออกไป แม้ว่านักวิเคราะห์มั่นใจแอปเปิลจะอยู่ดีได้โดยไม่มีหนุ่มไอฟ์ ด้านหัวเรือนักออกแบบคนเก่งเผยกับสื่อว่าชื่อบริษัทใหม่เกี่ยวข้องกับแนวคิด "สตีฟ จ็อบส์" ขณะที่โลกจับตา "อีแวนส์ แฮงคีย์" รองประธานด้านการออกแบบอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกของบริษัทที่จะมีส่วนก่อร่างแอปเปิลในช่วงหลายปีนับจากนี้
ผู้หญิงคนแรกที่นำทีมออกแบบอุตสาหกรรม
การยื่นใบลาออกของโจนี ไอฟ์ (Jony Ive) มีผลทำให้อีแวนส์ แฮงคีย์ (Evans Hankey) ถูกยกขึ้นเป็นผู้ดูแลทีมออกแบบอุตสาหกรรมซึ่งจะต้องสร้างฮาร์ดแวร์ทุกอย่างตั้งแต่ไอแมค (iMac) ไปจนถึงไอโฟน (iPhone) ตำแหน่งนี้ถูกมองว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญยิ่งต่ออนาคตของแอปเปิล ชื่อตำแหน่งใหม่อย่างเป็นทางการของเธอคือรองประธานฝ่ายการออกแบบอุตสาหกรรม
แต่บทบาทของ Jony Ive นั้นกว้างมากจนต้องใช้คน 2 คนมาทำหน้าที่แทน ทำให้อลัน ดาย (Alan Dye) จะรับหน้าที่เป็นรองประธานฝ่ายการออกแบบส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ แปลอีกนัยคือ Dye จะเป็นผู้นำทีมออกแบบซอฟต์แวร์ เป็นการทำงานต่อเนื่องหลังจาก Ive หยุดพักงานประจำไป 2 ปีเพื่อออกแบบสำนักงานใหญ่ Apple Park โดย Dye รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมออกแบบซอฟต์แวร์อยู่แล้วในช่วงที่ Ive กำลังยุ่งอยู่กับงานสถาปนิก ดังนั้น Dye จึงถูกมองว่าคุ้นเคยดีกับงานจัดการซอฟต์แวร์ iOS, macOS, iPadOS และซอฟต์แวร์อื่น
โครงสร้างใหม่แอปเปิล
นับจากนี้โครงสร้างบริษัทแอปเปิลจะเปลี่ยนไป ที่ผ่านมา Ive เคยทำงานตรงกับ CEO อย่างทิม คุก (Tim Cook) แต่ Dye และ Hankey จะรายงานตรงต่อเจฟฟ์ วิลเลียม (Jeff Williams) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแอปเปิลที่จะรับบทบาทมากขึ้น
ผลงานของ Williams ที่โดดเด่นอยู่ในสินค้ากลุ่มแอปเปิลว็อตช์ (Apple Watch) แต่ทั้งหมดทั้งมวล แอปเปิลยืนยันว่า Ive จะยังคงทำงานกับบริษัทต่อไปผ่านโครงการพิเศษ
ในมุมนักวิเคราะห์ หลายเสียงมองว่าการลาออกของไอฟ์จะเป็นโอกาสสำคัญที่แอปเปิลจะคิดใหม่ทำใหม่เรื่องงานดีไซน์สินค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี เพราะที่ผ่านมา Ive เป็นนักออกแบบชื่อดังที่ทำงานร่วมกับผู้ก่อตั้งแอปเปิลอย่างสตีฟ จ็อบส์ จนสามารถแจ้งเกิดสินค้าเด่นบนเวทีโลกทั้ง iMac, iPod, iPhone และ iPad
หลังจาก Jobs เสียชีวิตในปี 2011 ผู้บริหารอย่าง Ive ก็ถูกยกเป็นหนึ่งในทายาทที่เข้าใจแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการออกแบบของ CEO คนก่อนได้ดีที่สุด ลูกเล่นดูสนุกในเครื่อง Mac และ iPod สีลูกกวาดของ Ive กลายเป็นภาพลักษณ์แบรนด์ของแอปเปิล ดังนั้นเมื่อไม่มี Ive แล้ว แอปเปิลจึงจำเป็นต้องค้นหาทายาทคนใหม่ที่จะสานต่อภาพลักษณ์นี้ต่อไป
ทำไม Ive ถึงลาออก
การลาออกของ Ive นั้นเกิดขึ้นหลังการกลับมาคุมทีมออกแบบอุตสาหกรรมและซอฟต์แวร์แบบประจำวันตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงต่อจากการพักงานนาน 2 ปีเพื่อไปปลุกปั้นการออกแบบสำนักงานแห่งใหม่ของแอปเปิล ช่วงเวลาดังกล่าว Ive มีผู้ช่วยในทีมที่สามารถทำงานแทนกันได้ จนทำให้ Ive ต้องการสานต่อโปรเจ็กต์ใหม่ในชีวิต
แถลงการณ์ระบุว่า Ive จะลาออกจากแอปเปิลในปลายปี เพื่อไปเริ่มโครงการใหม่ชื่อว่าเลิฟฟรอม (LoveFrom) ในปีหน้า ประเด็นนี้ Ive เล่าว่าชื่อ LoveFrom ได้รับแรงบันดาลใจจาก Steve Jobs ผู้ก่อตั้งแอปเปิลที่เคยกล่าวในการประชุมของพนักงานเมื่อหลายปีก่อน ว่าหนึ่งในแรงจูงใจพื้นฐานที่สำคัญในการออกแบบ คือการออกแบบด้วยความรักและด้วยความเอาใจใส่ แม้ว่าจะไม่เคยได้พบเจอผู้ใช้ที่กำลังออกแบบสินค้าให้ใช้งานก็ตาม
"แม้จะไม่เคยได้จับมือคนกลุ่มนี้ แต่ด้วยการทำอะไรด้วยความใส่ใจ ก็ถือว่าคุณกำลังแสดงความกตัญญูต่อเผ่าพันธุ์มนุษยชาติแล้ว"
ในขณะที่แอปเปิลยืนยันว่าพร้อมเป็นลูกค้าของบริษัทรับออกแบบใหม่ของ Ive ผู้บริหารคนเก่งก็ยืนยันว่าในขณะที่ไม่ได้เป็นพนักงานของแอปเปิล เขาก็จะยังคงมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับบริษัทต่อไป โดยหวังว่าความสัมพันธ์นี้จะยืนยาวต่อเนื่องไปอีกหลายปี ก่อนจะตบท้ายว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติที่สุด
ก่อนที่จะรับตำแหน่ง Chief Design Officer นักออกแบบดังอย่าง Ive ได้สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการออกแบบโน้ตบุ๊กตระกูลพาวเวอร์บุ๊ก (PowerBook ) ในขณะที่ยังคงทำงานที่บริษัทแทงเจอรีน (Tangerine) บริษัทด้านออกแบบในลอนดอน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Ive กลายเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่โดดเด่นที่สุดของแอปเปิล ซึ่งปรากฏตัวในวิดีโอการออกแบบสินค้าของบริษัทเป็นประจำ
หุ้นตกรับข่าว
ประมาณ 1 ชั่วโมงนับตั้งแต่แอปเปิลประกาศว่า Jony Ive เตรียมลาออกจากบริษัท นักลงทุนเริ่มลังเลจนทำให้มูลค่าหุ้นบริษัทลดลงราว 1% แม้จะไม่มากแต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ตลาดรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแอปเปิล
สิ่งที่ยังต้องรอดูคือวันนี้ หากมูลค่าหุ้นแอปเปิลไม่ดีดตัวขึ้น มูลค่าหุ้นที่ลดลงไปไม่ถึง 1% อาจจะลดมูลค่าตลาดของบริษัทลงไปจนกลายเป็นความสูญเสียระดับ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่าหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ แอปเปิลมีมูลค่าตลาดประมาณ 910,000 ล้านดอลลาร์


