เน็ตแอพ ส่งโซลูชันช่วยองค์กรธุรกิจ บริหารข้อมูลบนมัลติคลาวด์

‘เน็ตแอพ’ มองกลับเทรนด์คลาวด์ในองค์กร จะหันกลับมาให้ความสำคัญกับการมีคลาวด์เป็นของตัวเอง และนำพับบลิคคลาวด์ที่ราคาสูงขึ้นไปใช้กรณีที่ต้องการประสิทธิภาพ และความรวดเร็ว พร้อมนำเสนอโซลูชันใหม่ที่จะผสมผสานการบริหารจัดการข้อมูลที่เชื่อมต่อคลาวด์ทุกระบบเข้าด้วยกัน

นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ กล่าวว่า ในโลกธุรกิจตอนนี้คลาวด์กลายเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องใช้งานแล้ว จากที่ก่อนหน้านี้อาจจะมีคำถามว่าควรจะต้องลงทุนคลาวด์มาใช้งานหรือไม่

“คลาวด์ จะกลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิดดิจิทัลทั้ง ไม่ว่าจะเป็น 5G AI IoT เพราะทุกอย่างต้องมีการส่งข้อมูลขึ้นไปเก็บ และประมวลผลบนระบบคลาวด์ ทำให้ประเทศที่มีการลงทุนคลาวด์สูง การนำเทคโนโลยีใหม่ไปใช้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

ขณะเดียวกัน ด้วยยุคของการที่ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเดินหน้าทางธุรกิจ จะเห็นได้จากก่อนหน้านี้ในปี 2006 มีเพียง 1 จาก 10 อันดับบริษัทที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกเท่านั้น ที่มีการนำดาต้าไปใช้งาน แต่ในปี 2017 เพิ่มขึ้นมาเป็น 6 จาก 10 รายแล้ว

“ตอนนี้ในประเทศไทย มีการนำคลาวด์มาใช้ในองค์กรขนาดใหญ่มากขึ้นเพียงแต่ว่าจะช้ากว่าสตาร์ทอัปซึ่งเป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นมาบนคลาวด์ ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า การทำ Data Driven ช่วยเพิ่มลูกค้าใหม่ได้ประมาณ 3 เท่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการได้ 6 เท่า”

นอกจากนี้ ยังมีเทรนด์ที่เกิดต่อเนื่องตามมาคือเรื่องของอุปกรณ์ IoT ที่ฉลาดขึ้น ไม่ได้เป็นแค่เซ็นเซอร์ หรือการตรวจจับแล้ว แต่จะไปอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยทำให้เกิดการคาดการณ์เพื่อบำรุงรักษาเครื่องจักร ไปจนถึงกำหนดกำลังการผลิตต่างๆ

ส่วนของฝั่งองค์กร จะเกิดการใช้งาน Hybrid, Multi Cloud ทำให้ไม่มีองค์กรขนาดใหญ่ที่เลือกใช้คลาวด์จากผู้ให้บริการรายเดียว แต่จะผสมผสานการใช้งานร่วมกัน โดยเลือกจากผู้ให้บริการคลาวด์ที่ให้ประโยชน์มากที่สุด

“ในอดีตภาพจำของการใช้งานคลาวด์คือราคาถูก แต่ในปัจจุบันไม่ใช่แล้ว คลาวด์กลายเป็นเรื่องของความรวดเร็วในการให้บริการ ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งถ้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ต้นทุนก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณข้อมูลที่มี”

ดังนั้น แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คือการที่องค์กรธุรกิจผสมผสานการใช้งานทั้งพับบลิคคลาวด์จากหลายผู้ให้บริการ และไพรเวทคลาวด์ในองค์กรเข้าด้วยกัน เพื่อเลือกนำจุดแข็งของแต่ละส่วนมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

เมื่อเทรนด์เหล่านี้เกิดขึ้น เน็ตแอพ จึงได้มีการพัฒนาโซลูชันที่ครอบคลุมเทรนด์เหล่านี้ขึ้นมา อยู่ภายใต้ 3 ส่วนหลักๆ คือ 1.Modernize เข้าไปช่วยทำให้ระบบไอทีที่มีอยู่ทันสมัยมากขึ้น เหมาะกับการนำไปใช้งานบนคลาวด์

2.Build นำธุรกิจเดิมมาให้บริการบนคลาวด์เซอร์วิส เปลี่ยนจากการใช้งานบนอินฟราสตรัคเจอร์ มาเป็นหนึ่งในเซอร์วิสที่อยู่บนคลาวด์ และ 3.Inspire ด้วยการแนะนำโซลูชันที่อยู่บนคลาด์ ช่วยให้องค์กรปรับเปลี่ยนไปสู่ไฮบริด มัลติคลาวด์

“การทำดาต้าแฟบริก หรือการบริหารจัดการข้อมูลบนคลาวด์จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อน และแข่งขันได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าถึงไพรเวทคลาวด์ หรือพับบลิคคลาวด์ ช่วยให้องค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงการเก็บข้อมูลได้ตลอดเวลา”