ดิจิทัล พาร์ค ศรีราชา ส่อแววล่ม หลังเปิดให้เอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอในการพัฒนาที่ดิน แต่กลับไร้เงาเอกชนสนใจ ด้านปลัดกระทรวงดีอี เร่งปรับเงื่อนไขโครงการใหม่พร้อมเปิดประชาพิจารณ์อีกรอบ 21 มิ.ย.นี้
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนโครงการ ดิจิทัล พาร์ค ว่า โครงการนี้ เป็นโครงการพัฒนาเขตส่งเสริมพิเศษด้านดิจิทัล แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลมองว่าเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงด้านการดึงดูดการลงทุน และการพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล
เนื่องจากตั้งอยู่ในอ. ศรีราชา จ. ชลบุรี ศูนย์กลางของ EEC ดังนั้นภาครัฐมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับเมกะโปรเจกท์ที่สำคัญหลายโครงการ และยังเป็นพื้นที่ซึ่งแวดล้อมด้วยภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการดิจิทัลในโครงการต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าที่ผ่านมาโครงการได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาโดยตลอด มีเอกชนหลายรายได้ออกสำรวจ สถานที่จริง และได้มีหนังสือสอบถามข้อมูลในรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารคัดเลือกเอกชนมาหลายครั้ง ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกก็ได้ตอบข้อซักถาม รวมถึงออกเอกสารแก้ไขข้อกำหนดให้มีความชัดเจนมากขึ้นมาโดยลำดับ แต่กลับไม่มีเอกชนรายใดเข้ามายื่นซองเข้าร่วมโครงการเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่กำหนดให้ยื่นซอง
ดังนั้นคณะกรรมการจึงได้กำหนดเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้สนใจอีกครั้ง และจะพิจารณาแนวทางการปรับปรุงข้อกําหนดต่างๆ ให้เป็นที่ยอมรับได้ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยคณะกรรมการคัดเลือกจะจัดให้มีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนอีกครั้งในวันที่ 21 มิ.ย. 2562 ที่ห้อง CAT Auditorium อาคารสโมสร สำนักงานใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ระหว่างเวลา 9.00 – 14.00 น. และจะนำความเห็นทั้งหมดมาพิจารณาทบทวนและปรับปรุงต่อไป
ปลัดกระทรวงดีอี กล่าวว่า ที่ผ่านมา กสท โทรคมนาคม ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้ ได้ขายเอกสารคัดเลือกเอกชนเพื่อรวมลงทุนในโครงการ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) ระหว่างวันที่ 25 ม.ค. ถึง วันที่ 15 ก.พ. 2562 โดยมีเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศสนใจซื้อซอง จํานวน 16 ราย และได้เปิดให้เอกชนยื่นซองข้อเสนอในวันที่ 5 มิ.ย. 2562 ดังนั้นการที่ไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพราะโครงการไม่น่าสนใจ แต่อาจเป็นเพราะยังมีข้อกำหนดบางข้อในร่างสัญญาร่วมลงทุนที่อาจเข้มงวดมากเกินไปสำหรับนักลงทุน