xs
xsm
sm
md
lg

ดีแทคแจงกรณีบูธหาย TME 2019 อัดฉีด 240 ลบ.กระตุ้นเติมเงิน-รายเดือนทั่วไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อรรคพงศ์ ลินพิศาล
ดีแทคอัดงบ 240 ล้านบาทกระตุ้นตลาดพรีเพด-โพสต์เพดครึ่งปีหลัง แจงกรณีไม่ออกบูธหลักในงาน Thailand Mobile Expo 2019 ครั้งล่าสุดว่าต้องการทำโปรโมชันทั่วประเทศมากกว่ารองรับลูกค้าในงานเดียว ยอมรับไร้เงาสินค้าใหม่ทำให้ไม่อยากออกบูธเพื่อขายสินค้าหน้าเดิม ยืนยันยังสัมพันธ์ดีกับผู้จัดและมีโปรโมชั่นแน่นในงานผ่านบูธดีลเลอร์อยู่แล้ว ทำใจตลาดสมาร์ทโฟนไทยหดตัวตามปกติช่วงไตรมาส 2-3 นับถอยหลังรอไม้เด็ดจาก 3 ค่ายสมาร์ทโฟนหลักดึงตลาดฟื้นช่วงปลายปี

นายอรรคพงศ์ ลินพิศาล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารคู่ค้า และช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่าได้เตรียมงบประมาณ 70-80 ล้านบาททำแคมเปญสำหรับลูกค้าดีแทคเติมเงินคือ “เทศกาลมหาเฮง รวยทองฟ้าผ่า” และอีก 160 ล้านบาทเพื่อทำแคมเปญสำหรับลูกค้าดีแทครายเดือนร่วมกับซัมซุง ซึ่งเน้นจำหน่าย Samsung Galaxy A Series ในราคาลดสูงสุด 60% คาดว่าแคมเปญหลังจะสร้างยอดขาย Samsung Galaxy A Series มากกว่า 5 หมื่นเครื่อง

“ตั้งเป้าขั้นต่ำคือยอดขาย A Series ครึ่งแสน เชื่อว่าจะทำได้จากแคมเปญนี้แคมเปญเดียว เพราะ 1. คือตัวแคมเปญดีที่สุดในตลาด 2. คือคู่แข่งซัมซุงที่ได้รับผลกระทบอยู่” อรรคพงศ์ระบุ “แคมเปญวันนี้เราเน้นราคาดี รับประกันจอแตก และไม่ต้องจ่ายค่าบริการล่วงหน้า เดี๋ยวนี้ต้องทำแบบนี้เพราะผู้บริโภคใช้เงินน้อยลง จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แพคเกจที่ให้ก็คุ้มค่ากว่า ให้เน็ตและนาทีเยอะกว่าคู่แข่ง ทั้งหมดนี้เริ่มแล้วเมื่อวันศุกร์ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำแล้วที่ 443 สาขาร้านดีแทคทั่วประเทศและบนเว็บไซต์”

โปรดีแทคยังมีอยู่ใน TME 2019

ดีแทคระบุว่ากำลังเจรจากับ “ร้านข้างนอก” เพื่อขยายโปรโมชันให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ไม่ใช่ร้านดีแทค เช่นกลุ่มบริษัทออแกไนซ์ และรีเทลเชนต่างๆ นโยบายนี้เป็นไปตามแนวทางเดียวกับที่ดีแทคเลือกสยายปีกดันโปรโมชันทุกช่องทาง ไม่ออกบูธหลักในงาน TME 2019 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่ไบเทคบางนา วันที่ 30 พ.ค. ถึง 2 มิ.ย. 62

“โปรโมชั่นของดีแทคมีอยู่ในงานครั้งนี้ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในบูธหลักดีแทค เราจะมีโปรโมชันผ่านบริษัทออแกไนซ์อยู่แล้ว และมีการโชว์ธุรกิจใหม่คือมอเตอร์ไซค์ EV ที่พร้อมจะขายจริงไตรมาส 3 ปีนี้”

อรรคพงศ์ย้ำว่า 2 เหตุผลที่ทำให้ไม่มีการออกบูธหลักใน TME 2019 คือบริษัทมองว่าการเข้าไปทำโปรโมชันแล้วเสิร์ฟลูกค้าที่เดียวในงานเดียวนั้นทำให้เกิดภาวะ “รองรับไม่หมด” จึงตัดสินใจทำโปรโมชันที่เป็นทั่วประเทศแทน อีกเหตุผลคือขณะนี้ไม่มีนวัตกรรมสมาร์ทโฟนใหม่ ทำให้ไม่ต้องการไปออกบูธแล้วจำหน่ายแต่ “ของเดิม” จุดนี้ดีแทคมองว่านวัตกรรมเดียวที่พร้อมโชว์ได้คือมอเตอร์ไซค์ EV ซึ่งดีแทคก็เปิดตัวไปแล้ว โดยทำงานร่วมกับฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส ต้นสังกัดตู้บุญเติม และเอ็มวิชั่น ซึ่งเป็นผู้จัดงาน TME

“ครั้งหน้าอาจจะมีบูธหลักของดีแทค เรามองเป็นครั้งต่อครั้ง ครั้งนี้ไม่มีของอะไรไปโชว์ และทั้งอินดรัสทรีก็ไม่มีด้วย”

สำหรับแคมเปญล่าสุดสำหรับลูกค้าดีแทคเติมเงินอย่าง “เทศกาลมหาเฮง รวยทองฟ้าผ่า” เป็นแคมเปญที่ให้สิทธิ์ลูกค้าดีแทคเติมเงิน ที่ซื้อซิมและลงทะเบียนซิมพร้อมเปิดใช้บริการได้ลุ้นรางวัลทุกสัปดาห์ มูลค่ารวม 10 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 17 พ.ค. - 18 ก.ค. 2562 ขณะที่แคมเปญสำหรับลูกค้าดีแทครายเดือนคือโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้าซื้อเครื่อง Samsung Galaxy A Series ได้ในราคาลดพิเศษสูงสุด 60% โดยไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า เช่น Samsung Galaxy A10 ที่จะจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 1,690 บาท และได้รับสิทธิ์การเปลี่ยนหน้าจอ 1 ครั้ง ภายใน 1 ปี นับจากวันที่ซื้อเครื่องในระหว่างวันที่ 24 พ.ค. – 23 มิ.ย. 2562 คาดว่าทั้ง 2 แคมเปญจะดันฐานผู้ใช้บริการพรีเพดของดีแทคที่มีอยู่ 14.5 ล้านเลขหมาย และบริการโพสต์เพด 6.2 ล้านเลขหมายในปี 61 ได้ไม่ต่ำกว่าไตรมาสละ 1 แสนเลขหมาย

การอัดฉีดนี้เป็นการตอกย้ำความสำเร็จหลังจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ดีแทคระบุว่าประสบความสำเร็จสูงมากจากการขยายฐานบริการโพสต์เพด โดยสถิติผู้ใช้โพสต์เพดของดีแทคเพิ่มขึ้นสุทธิ (Net add post paid) ราว 120,000 ราย เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ไม่ถึงแสนราย คิดเป็นอันดับ 2 รองจากเบอร์ 1 ของตลาดอย่างเอไอเอส (AIS) ที่ทำได้ราว 200,000 ราย ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ดีแทคสามารถทำ Net add post paid ได้สูงกว่าทรู

รุ่น 5,000-10,000 บาทโตสุด

ผู้บริหารดีแทคประเมินว่าตลาดสมาร์ทโฟนไทยปีนี้น่าจะติดลบตามเทรนด์โลก แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าลบเท่าใด สาเหตุเป็นเพราะลูกค้าถือเครื่องเก่านานขึ้น โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นแฟล็กชิปราคาแพง ก่อนนี้อยู่ที่ 2 ปี แต่เชื่อว่าตอนนี้จะยาวนานขึ้น อาจจะเลยไปถึง 3 ปี อีกเหตุผลคือขณะนี้ 95% ของตลาดโทรศัพท์มือถือเป็นสมาร์ทโฟนทั้งหมดแล้ว ทำให้ตลาดส่วนใหญ่เป็นการทดแทนเครื่องเดิมหรือรีเพลสเมนต์ เซกเมนต์ที่ขยายตัวที่สุดคือรุ่นราคา 5,000-10,000 บาท เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ดีแทคมั่นใจว่า A Series คือสมาร์ทโฟนที่จะมาตอบการเติบโตของเซกเมนต์นี้

ผู้บริหารดีแทคมองว่าทิศทางตลาดสมาร์ทโฟนไทยขึ้นอยู่กับโร้ดแม็ปของ 3 ค่ายหลักโลกสมาร์ทโฟนในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะทำให้วงจรของตลาดสมาร์ทโฟนไม่ต่างจากทุกปี คือยอดพุ่งสูงในไตรมาส 4 แล้วจึงพุ่งต่อมาถึงไตรมาส 1 จากนั้นจะหดตัวในไตรมาส 2 และ 3

“มันเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว เดือนพ.ค.-ก.ค. คือช่วงโลว์ จากนั้นจึงค่อยมีข่าวและมีดีมานด์เกิดขึ้นมา ภาพรวมคือเรามองว่าไม่น่าจะโตในช่วงไตรมาส 2-3 เรามองว่าน่าจะตก ทั้งปีน่าจะติดลบ 3-4% ทั้งในแง่จำนวนเครื่องและมูลค่า เพราะผู้ผลิตตั้งราคาแข่งขันรุนแรง”

ปัจจุบันค่าเฉลี่ยเครื่องที่ดีแทคขายคือประมาณ 8,000 บาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวม โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องที่ผูกรวมแพคเกจบริการ เรียกว่าการจำหน่ายเครื่องเปล่ามีสัดส่วนต่ำกว่า 10%

เฝ้าระวังหัวเว่ย

เมื่อถามถึงผลกระทบจากสงครามการค้าอเมริกันและจีนที่มีผลกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่างหัวเว่ย (Huawei) ผู้บริหารดีแทคย้ำว่ายังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังและรอการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยการยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องมาจำหน่ายยังต้องทำเป็นรายวัน

“ตอบว่าไม่อิมแพคเลยก็คงไม่ได้ เรากำลังมอนิเตอร์ว่ามากน้อยแต่ไหน แต่เห็นว่ายอดขายดร็อปจริงในสัปดาห์ที่มีข่าว ยังไงต้องรอดูอย่างเป็นทางการว่าจะเป็นอย่างไร” อรรคพงศ์ระบุโดยบอกว่ายอดขายสมาร์ทโฟน Huawei ไม่ลดรุนแรงถึงขั้นเกิน 80% “ยังไม่ลดรุนแรงขนาดนั้น ตัวไฮเอนด์โดนหนักกว่า ดีแทคเองไม่ได้รับผลกระทบเรื่องสต็อก เพราะวางแผนคุยและยืนยันกันเป็นรายสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคอนเฟิร์มรายวันแล้ว”.


กำลังโหลดความคิดเห็น