xs
xsm
sm
md
lg

สำรวจ Huawei P30 Pro เป็นได้ไหม "ผู้นำกล้องบนสมาร์ทโฟน" ?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จุดเด่นหลักที่ หัวเว่ย (Huawei) ใช้ในการนำเสนอสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Huawei P30 Pro ออกสู่ตลาดคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่ปรับแนวคิดในการทำงานใหม่ทั้งหมด ทำให้ได้กล้องที่ประสิทธิภาพเหนือกว่าสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในท้องตลาดเวลานี้

ทำให้ในเวลานี้ ถ้ามองถึงมุมของการซื้อสมาร์ทโฟน เพื่อมาใช้ในการถ่ายภาพเป็นหลัก Huawei P30 Pro กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์นี้ได้มากที่สุด แต่กลับเป็นว่าถ้าเป็นในแง่ของการใช้งานทั่วไปก็ยังมีจุดที่ยังต้องคำนึงถึงอยู่

บนเวทีเปิดตัวในประเทศไทย ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ยคอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย ใช้เวทีโชว์ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพของสมาร์ทโฟน Huawei P30 Pro ว่าสามารถถ่ายทางช้างเผือก (Galaxy) ได้ ในขณะที่สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxyของคู่แข่งไม่สามารถทำได้

ประโยคดังกล่าว เหมือนเป็นการเปิดศึกระหว่าง 2 แบรนด์ที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนักในตลาดสมาร์ทโฟนเวลานี้ คือ ซัมซุง และ หัวเว่ย เนื่องจากในเวลานี้ หัวเว่ย กำลังเร่งเครื่องในตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ขึ้นมา เพื่อแซงซัมซุงให้ได้ ในขณะที่ซัมซุง ก็ต้องรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนี้ให้ได้เช่นเดียวกัน

แนวคิดใหม่ของกล้อง P30 Pro คือการเลือกใช้เซ็นเซอร์ที่รับสี RYYB (แดง เหลือง เหลือง น้ำเงิน) มาแทนที่รูปแบบเดิมที่ใช้ RGB (แดง เขียว น้ำเงิน) ซึ่งการที่ปรับมารับสีในรูปแบบดังกล่าว จะทำให้ถอดรหัสสีได้ความสว่าง และแม่นยำมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อนำมาใช้งานกับเลนส์กล้อง Huawei Super Zoom ที่รองรับออปติคัลซูม 10 เท่า และนำเลนส์ ToF มาช่วยในเรื่องของระยะโฟกัส ทำให้รวมๆแล้ว ภาพที่ได้จาก P30 Pro นอกจากจะได้เรื่องความคมชัดของภาพแล้ว ยังรองรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย


เมื่อนำมาประกอบกับการใช้ AI ช่วยประมวลผลภาพ ทำให้ P30 Pro สามารถใช้การถือกล้องด้วยมือเพื่อถ่ายภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน หรือแม้แต่ในที่แสงน้อยมากๆก็สามารถดึงแสงออกมาให้ภาพได้เหมือนในเวลากลางวันและกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้

รวมถึงการเก็บภาพในมุมกว้างด้วย ในจุดนี้เมื่อนำ P30 Pro ไปเทียบกับ Galaxy S10+ ในแง่ของการถ่ายภาพในสภาพแสงปกติในมุมกว้างก็จะได้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะเห็นความแตกต่างชัดเจนในเรื่องของการซูมภาพที่ P30 Pro ทำได้ดีกว่า เช่นเดียวกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย

อย่างไรก็ตาม S10+ ก็มีจุดที่ทำได้ดีกว่าเช่นกัน อย่างในเรื่องของการบันทึกภาพวิดีโอที่ได้ความละเอียด 4K 60fps ในขณะที่ P30 Pro ยังไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับกล้องหน้าของ S10+ ที่เป็นกล้องคู่ จะเก็บรายละเอียด และสร้างมิติชัดตื้นได้ดีกว่า ส่วนในP30 Pro ใช้กล้องหน้าแบบ Fix Focus ทำให้ภาพที่ได้จะชัดเฉพาะระยะถ่ายเซลฟี่เท่านั้น

ถัดจากเรื่องกล้อง มาในเรื่องของแบตเตอรีที่ P30 Pro ยังคงทำได้ดีต่อเนื่องมาจากทั้ง P20 ซีรีส์ และ Mate 20 ซีรีส์ ด้วยการออกแบบซอฟต์แวร์ให้ตัดการทำงานพื้นหลังของแอปที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ช่วยยืดระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรีได้ดีขึ้นเช่นเดียวกับระบบชาร์จเร็วที่ใส่เข้ามาเพิ่มเติมด้วย

2 ประเด็นหลักนี้คือสิ่งที่ หัวเว่ย พยายามสื่อสารออกมา ทั้งในช่วงการเปิดตัว และการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียในขณะนี้ ด้วยการสร้างอารมณ์ให้ผู้บริโภคเห็นว่า P30 Proสามารถเข้ามาแทนที่การพกกล้องเพื่อถ่ายภาพแทนได้แล้ว

ประกอบกับถ้ามองในแง่ของการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์แล้ว P ซีรีส์ของ หัวเว่ยจะเน้นที่เรื่องดีไซน์ตัวเครื่อง และกล้องเป็นหลักเสมอมา ในขณะที่ Mate ซีรีส์ จะเน้นเรื่องสเปกเป็นหลัก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมในแง่ของสเปกเครื่อง P30 Pro จึงนำหน่วยประมวลผลรุ่นเดียวกับที่ใช้งานใน Mate 20 Pro มาใช้งาน และมีการปรับความละเอียดหน้าจอลงมาอยู่ใน Full HD+ ซึ่งถ้ามองในมุมหนึ่งก็เหมือนเป็นการปรับลดสเปกจอลงมา

ผู้บริหารหัวเว่ย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความละเอียดหน้าจอ และความสามารถในการบันทึกวิดีโอ 4K 60fps ว่า เหตุที่ยังไม่นำมาใส่ใน P30 Pro เนื่องมาจากในขนาดหน้าจอที่เล็กผู้บริโภคจะไม่เห็นความแตกต่าง ที่สามารถแยกได้ด้วยการมองเห็นได้

ย้อนกลับมามองที่ Galaxy S10+ ในช่วงเวลาเปิดตัว วรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จํากัด กลับไม่ได้มองว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของค่ายจะเน้นแค่เรื่องของกล้องเพียงอย่างเดียว แต่มองถึงประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่อง ที่จะเข้าไปตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้บริโภคมากกว่าไล่ตั้งแต่การแสดงผลที่ปัจจุบัน S10+ ได้รับการยอมรับว่าเป็นจอสมาร์ทโฟนที่ให้สีดีที่สุดในโลกเวลานี้ เช่นเดียวกับเรื่องของการเชื่อมต่อที่ตัวเครื่องรองรับ 4G LTE Cat 20ที่รองรับเครือข่ายระดับ 2 Gigabit และ WiFi 6 ที่เป็นมาตรฐานใหม่ ซึ่งจะเริ่มถูกนำเข้ามาใช้งานในไทยช่วงไตรมาส 3 นี้

รูปแบบการทำตลาดของซัมซุง กับ S10+ จึงเน้นไปที่การรวบรวมบรรดาเหล่าครีเอเตอร์ที่ต้องการเครื่องมือมาช่วยในการผลิตคอนเทนต์ โดยเฉพาะบรรดาบล็อกเกอร์สายไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยว ถ่ายภาพ ที่นำ S10+ ไปใช้ในการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ เพื่อนำเสนอสู่ผู้ชม ส่วนประเด็นเรื่องของราคา การทำราคาของ P30 ซีรีส์ ร่วมกับโอเปอเรเตอร์ ถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจกว่า เมื่อเทียบกับ S10 ซีรีส์ จากส่วนลดค่าบริการสูงสุดถึง 22,000 บาท และของแถมต่างๆ ที่ให้ในช่วงเปิดจอง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า ทั้ง Galaxy S10+ และ P30 Proเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่ออกมารอเวลาก้าวไปสู่ยุคของสมาร์ทโฟนจอพับที่ทั้งหัวเว่ยออก Mate X และ ซัมซุง แนะนำ Galaxy Fold ออกมาสู่ตลาด ซึ่งจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังรอการมาของยุค 5G.



กำลังโหลดความคิดเห็น