xs
xsm
sm
md
lg

ทรูไอดีซีควงเทนเซ็นต์คลอด “เอไอคลาวด์” ประเดิมตลาดไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ทรูไอดีซี” ประกาศจับมือ “เทนเซ็นต์ประเทศไทย” เปิดตัวบริการคลาวด์ครบวงจรที่รองรับระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI การันตีเป็นรายแรกที่ไม่ได้เน้นจุดขายเฉพาะเรื่องการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยหรือความเร็วที่เหนือกว่า แต่โฟกัสเรื่องการมาพร้อมโซลูชัน AI ทั้งระบบวิเคราะห์ใบหน้า ระบบค้าปลีกอัจฉริยะ และระบบส่งเนื้อหาเร็วพิเศษ หวังเจาะลูกค้าภาครัฐและสถาบันการเงิน ฟันธงตลาดคลาวด์ไทยปีนี้คึกคักแตะระดับ 4,988 ล้านบาท หรือ 156.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ศุภวัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือทรูไอดีซี กล่าวว่าแม้ที่ผ่านมาทรูไอดีซีจะมีบริการคลาวด์ผ่านดาต้าเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่บริษัทต้องการอุดช่องว่างในตลาดไทย โดยเฉพาะตลาดคลาวด์สาธารณหรือ public cloud ซึ่งทรูไอดีซีต้องการให้ธุรกิจไทยได้สัมผัสประโยชน์ที่แท้จริง ทรูไอดีซีจึงจับมือกับเทนเซ็นต์ประเทศไทยเพื่อทำตลาดบริการชื่อ “Interactive and AI Enabled Cloud Platform” คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ราว 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150 ล้านบาท

“แม้วันนี้ไทยมีบริการคลาวด์หลายตัวก็จริง แต่มีช่องว่างอยู่ ที่ผ่านมาเราเน้นการเป็นบริการคลาวด์ที่ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ แต่ความท้าทายคือการใช้งานที่แท้จริง หน้าที่เราคือการทำให้ธุรกิจไทยสร้างประโยชน์ที่สัมผัสได้จริง ไม่ได้ตั้งอย่างเดียว เราจะทำให้มีประโยชน์ ซึ่งเทนเซ็นต์เข้าใจและพิสูจน์มาแล้ว”

ศุภวัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือทรูไอดีซี
ภายใต้ความร่วมมือนี้ เทนเซ็นต์จะลงทุนฮาร์ดแวร์และระบบคลาวด์ AI โดยทรูไอดีซีจะเป็นรีเซลเลอร์เจ้าเดียวที่ทำตลาดให้ หน้าที่หลักของเทนเซ็นต์คือการพัฒนาระบบคลาวด์ในประเทศ ขณะที่ทรูไอดีซีดูแลการขาย และการปรับระบบตามความต้องการของลูกค้า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การร่วมทุน ทำให้เทนเซ็นต์มีลักษณะเป็นลูกค้าทรูไอดีซี

มร. ชาง ฟู (Chang Foo) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าเทนเซ็นต์เป็นบริษัทแรกที่ลงทุนตั้งโครงข่ายบริการคลาวด์ที่รองรับเทคโนโลยี AI ในไทย โดยปัจจุบัน เทนเซ็นต์มีศูนย์คลาวด์ที่รองรับ AI ในยุโรป สหรัฐอเมริกา รวม 5 ประเทศ ซึ่งก้าวใหม่จะทำให้เทนเซ็นต์ให้บริการคลาวด์ AI ในไทยได้เต็มที่จากที่เน้นให้บริการ CDN มาก่อน

“เหตุที่เลือกไทยเพราะเห็นโอกาสจากที่ธุรกิจไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ความไม่แน่นอนทางการเมืองเชื่อว่าไม่มีผล เพราะภาคอุตสาหกรรมไทยก็ยังเติบโต ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ยังไม่มีผลโดยตรง”

เบื้องต้นผู้บริหารเทนเซ็นต์ระบุว่าไม่สามารถเปิดเผยการลงทุน และไม่ได้การันตีว่าโครงข่ายคลาวด์ AI ในไทยคือโครงข่ายที่ใหญ่ที่สุด โดยบอกเพียงว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งตัวโครงข่ายสามารถขยายได้ในอนาคต และไม่ใช่โครงข่ายขนาดเล็กแน่นอน

ปัจจุบัน เทนเซ็นต์มีทีมงาน 300 คนในบริษัทเทนเซ็นต์ไทยแลนด์ จุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งของทีมจะยิ่งเข้มข้นขึ้นอีกเพราะดีลที่เกิดขึ้นทำให้เทนเซ็นต์ตั้งทีมงานใหม่เพื่อทำงานร่วมกับทรูไอดีซี ซึ่งชำนาญเรื่องการปรับระบบให้ตรงความต้องการของลูกค้า ทำให้มีประสบการณ์ที่ดีกว่า จุดนี้ผู้บริหารเทนเซ็นต์ย้ำว่าไม่สามารถบอกตัวเลขเป้าหมายรายได้จากดีลนี้ แต่ยอมรับว่าวันนี้มีคู่แข่งหลายรายในตลาดไทย ทำให้เทนเซ็นต์ต้องการเป็นทางเลือกให้ลูกค้า
มร. ชาง ฟู (Chang Foo) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งทรูไอดีซีและเทนเซ็นต์เชื่อว่าดีลนี้จะเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมคลาวด์ สถิติล่าสุดในขณะนี้ที่ไทยยังไม่มีกฏหมายบังคับประเด็นคลาวด์ในประเทศ ตลาดคลาวด์ไทยมีอัตราเติบโต 31.5% ตัวเลขนี้เมื่อเทียบกับมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย ที่มีนโยบายผลักดันคลาวด์ในประเทศจริงจัง พบว่าประเทศกลุ่มนี้มีอัตราเติบโตประมาณ 41% สัดส่วนที่มากกว่า 10 จุดนี้ทำให้เชื่อว่าการมีคลาวด์ในประเทศ จะเป็นคีย์หลักที่ดันตลาดคลาวด์ไทยให้เติบโตต่อเนื่อง

“การศึกษาพบว่าการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ จะลดต้นทุนเป็นเลข 2 หลัก สำหรับประเทศไทย แม้วันนี้จะยังไม่มีกฏหมายบังคับเรื่องการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย แต่ธนาคารใหญ่รวมถึงองค์กรหลักต่างเลือกใช้คลาวด์ที่ตั้งในประเทศ เพราะเมื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้ ก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้การแข่งขันทำได้ดีขึ้น แต่ปีนี้ตลาดคลาวด์ไทยอาจจะไม่เติบโตถึงหลัก 41% เท่ามาเลเซียหรืออินโดนีเซีย แต่เชื่อว่าจะผลักดันให้โตมากขึ้นได้ คาดว่าจากปี 2019 ตลาดคลาวด์ไทยจะโตจาก 156.9 เหรียญสหรัฐ เป็น 204.3 ล้านเหรียญในปี 2020”

ปัจจัยบวกที่ทำให้ผู้บริหารทรูไอดีซีเชื่อว่าการใช้งานคลาวด์ในประเทศของไทยจะสูงขึ้นเพราะตลาดคอนเทนต์ออนไลน์ไทยที่กำลังเติบโต ผู้ประกอบการจะมองว่าต้องใช้คลาวด์ในประเทศเพื่อให้คลังคอนเทนต์ถูกเก็บในพื้นที่ใกล้กว่า อีกจุดคือจำนวนทรานเซกชันในประเทศที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยอาจจะพิจารณานโยบายผลักดันการใช้คลาวด์ในประเทศที่จะมีประโยชน์ด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น ยังมีนักท่องเที่ยวจีนอีก 9 ล้านคนที่เินทางมาประเทศไทย ทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มสื่อ ภาครัฐ และเอสเอ็มบีเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันการใช้คลาวด์ในประเทศเป็นหลัก.


กำลังโหลดความคิดเห็น