จะเรียกว่าชุบตัวหรือปรับตัวก็ได้สำหรับกรณีของแอปเปิล (Apple) ที่วันนี้กำลังพยายามแนะนำตัวเองในมิติใหม่ด้วยการเปิดตัวบริการข่าว ทีวี เกม และบัตรเครดิต จากฐานะผู้ขายเครื่อง นาทีนี้ Apple อาสาเป็นสุดยอดคนกลางที่จะโกยส่วนแบ่งจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครื่องที่ตัวเองขาย ทิศทางใหม่แม้จะดูไฉไลแต่กลับไม่โดนใจนักลงทุน ส่งให้หุ้น Apple หล่นลง 1.2% ทันทีที่ประกาศ
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้นของ Apple ไม่เติบโตหวือหวา อาจเป็นเพราะการรื้อภาพใหม่ให้ตัวเองนั้นไม่ได้แสดงว่า Apple มีนวัตกรรมเท่าที่ควร แต่ Apple เพียงแค่กระโดดลงมาในตลาดบริการที่ร้อนแรงอยู่แล้วในช่วงเวลาที่ iPhone ขายได้น้อยลง ทั้งบริการรายการโทรทัศน์สตรีมมิ่งที่เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ชิงเขย่าตลาดไปก่อนนานแล้ว หรือบริการทางการเงินที่แค่ปรับเปลี่ยนบัตรเครดิตให้ปลอดภัยขึ้น ยังมีบริการเกมออนไลน์ที่จะชนกับแพลตฟอร์มเกมใหม่ของคู่แข่งอย่างกูเกิล (Google) และบริการอ่านข่าว-นิตยสารเหมาจ่ายรายเดือนที่เด่นเฉพาะคำให้สัญญาว่า Apple จะไม่แอบเก็บประวัติการอ่านเพื่อขายข้อมูลให้นักการตลาดแน่นอน
การให้คำมั่นว่า Apple จะยึดความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเป็นหลักนี้มีนัยสำคัญ เพราะเป็นการจี้ใจดำของคู่แข่งทั้ง Google และเฟซบุ๊ก (Facebook) ด้วยการยืนยันว่าทุกบริการของ Apple จะไม่มีทั้งโฆษณาและไม่มีการติดตามโดยนักโฆษณาหน้าใดทั้งสิ้น ประเด็นนี้ถือเป็น 1 ใน 6 สิ่งที่โลกสามารถสรุปได้จากความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Apple ซึ่งอาจส่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการฟินเทค ความปลอดภัยข้อมูล และระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งยุคหน้า
6 มุมใหม่เกิด
25 มีนาคม 62 เจ้าพ่อไอโฟนอย่าง Apple เปิดตัว 4 บริการใหม่ซึ่งส่งผลให้เกิดมุมมองใหม่อย่างน้อย 6 จุด โดย 4 บริการใหม่ได้แก่ 1. แอปเปิลนิวส์พลัส (Apple News+) บริการบอกรับสมาชิกสำหรับการอ่านนิตยสารและบทความจากกว่า 300 สำนักพิมพ์ ในรูปแบบดิจิทัล 2. แอปเปิลการ์ด (Apple Card) บัตรเครดิตพันธุ์ใหม่ที่ Apple ร่วมกับ Goldman Sachs และ Mastercard เพื่อเน้นความโปร่งใสปลอดภัย และได้คะแนนเครดิตเงินคืน
3. แอปเปิลอาร์เคด (Apple Arcade) บริการเล่นเกมแบบบอกรับสมาชิกครั้งแรกที่เปิดสำหรับใช้งานทั้งบน iPhone, iPad, Mac รวมถึง Apple TV เพื่อให้ผู้ที่สมัครสมาชิกเข้าถึง 100 เกมที่อยู่บนแพลตฟอร์มนี้ และ 4. แอปเปิลทีวีพลัส (Apple TV+) แหล่งรวมรายการทีวี ภาพยนต์ ซีรีส์ และสารคดีที่มีคนดังอย่างสตีเวน สปีลเบิร์ก และโอปราห์ วินฟรีย์ ขานรับเพื่อเผยแพร่คอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟบน Apple TV+ แล้ว
มุมมองแรกคือ Apple News+ อาจจะสามารถทำให้วงการนิตยสารกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เหมือนที่เคยทำสำเร็จในวงการเพลง โดย Apple News+ จะลุยให้บริการสมัครสมาชิกราคา 9.99 เหรียญสหรัฐในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก่อนจะขยายสู่ยุโรปและพื้นที่อื่นภายในปลายปีนี้ ความคุ้มค่าคือเนื้อหาระดับพรีเมียมจากสื่อที่คิดค่าบริการก่อนอ่านอย่างไวร์ด (Wired) และเดอะสกิมม์ (The Skimm) ก็ถูกรวมลงในบริการด้วย
ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดบทความหลายพันรายการจากเซิร์ฟเวอร์ของ Apple จากนั้นระบบข้อมูลอัจฉริยะบนอุปกรณ์จะเริ่มทำงานเพื่อให้คำแนะนำบทความน่าอ่านต่อไป ซึ่งหมายความว่า Apple ไม่รู้ว่าใครอ่านอะไร และไม่อนุญาตให้นักโฆษณาติดตามใครด้วย
มุมที่ 2 คือการเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิตของ Apple Card ทำให้ Apple เป็นบริษัท fintech ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ จากที่มีแอปเปิลเพย์ (Apple Pay) และแอปเปิลวอลเล็ต (Apple Wallet) วันนี้ถึงคิว Apple Card ที่จะเป็นบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีหมายเลขบัตร ไม่มีวันหมดอายุ และไม่มีหมายเลข CVV เพราะทั้งหมดจะผูกกับหมายเลขเครื่องและการยืนยันตัวตนบนเครื่อง ทำให้ระบบปลอดภัยมากและไม่มีผลกระทบหากเครื่องถูกขโมย
การแจ้งเกิดของ Apple Card อาจทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ในวงการ fintech ทั้งการอนุมัติบัตรที่ใช้เวลาภายในไม่กี่นาที การเพิ่มคุณสมบัติให้ระบบชำระเงินสามารถวิเคราะห์บัญชีการใช้จ่ายส่วนตัวรายสัปดาห์หรือรายเดือน รวมถึงการรับเครดิตเงินคืนที่มากกว่าปกติ
มุมมองที่ 3 คือ Apple Arcade อาจกระทบภาพฝันที่ Google วาดไว้ให้แพลตฟอร์มสเตเดีย (Stadia) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปก่อนไม่กี่วัน คาดว่าการต่อสู้ดุเดือดจะทำให้สมรภูมิเกมในอนาคตเปลี่ยนแปลงไป โดย Apple Arcade รองรับทั้งเกมสำหรับมือถือ เดสก์ท็อป และทีวีในห้องนั่งเล่น ซึ่งเพียงสมัครสมาชิกครั้งเดียว ก็สามารถเข้าถึงเกมใหม่กว่า 100 รายการใน iPhone, iPad, Mac และ Apple TV โดยสามารถเลือกจุดที่เล่นค้างไว้แม้จะเปลี่ยนอุปกรณ์เล่น
จุดแตกต่างใหญ่ที่สุดจากบริการสตรีมมิ่งเกมทั้งหลาย คือชาว Apple Arcade สามารถเล่นเกมแบบออฟไลน์ได้โดยไม่มีโฆษณา จุดนี้ผู้ปกครองสามารถจัดการการเข้าถึงเกมด้วยฟีเจอร์กำหนดเวลาเล่น Screen Time แพลตฟอร์มเกมจะเปิดตัวในปลายปีนี้ใน 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งจะชนช้างกับแพลตฟอร์ม Stadia ที่ Google ระบุว่าคอเกมสามารถเล่นเกมความละเอียดสูง HD ได้ทันทีจากศูนย์ข้อมูลของ Google โดยตรง
มุมมองที่ 4 คือ Apple TV Plus และแอปพลิเคชัน TV App จะลุยทั่วโลกเหมือน Netflix ด้วยกลยุทธ์เดียวกัน จุดนี้ทำให้โลกไม่สงสัยเมื่อ Netflix ออกมาประกาศว่าไม่ต้องการส่วนหนึ่งของบริการสมัครสมาชิกสตรีมมิ่งใหม่ของ Apple เพราะทั้งคู่คือคู่แข่งชัดเจนโดยเฉพาะเมื่อมีการยืนยันว่า Apple TV Plus จะให้บริการวิดีโอต้นฉบับ (exclusive original) ที่มีคนดังขานรับคึกคัก โดยที่ผ่านมามีรายงานว่า Apple ซื้อสิทธิ์ภาพยนตร์และการ์ตูนจากหลายค่าย จุดนี้จะเป็นโอกาสให้วงการผู้สร้างภาพยนตร์ทั่วโลกร้อนแรงขึ้นอีก
มุมมองนี้นำไปสู่เรื่องที่ 5 คือ Apple กำลังขยายตลาด Apple TV ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Apple TV ใหม่ที่มาพร้อมกับช่อง Apple TV+ เพื่อนำรายการทีวี, ภาพยนตร์, กีฬา, ข่าวและเนื้อหาอื่นไปแสดงบน iPhone, iPad, Apple TV, Mac, สมาร์ททีวี และอุปกรณ์สตรีมมิ่งได้หลากหลาย กำหนดการเปิดตัวแอปคือพฤษภาคมนี้
ออกนอกอาณาจักร
การทำให้แอปพลิเคชัน Apple TV โผล่ได้ที่แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์อื่น สะท้อนการเปลี่ยนแปลงว่า Apple กำลังหาทางบุกบนแพลตฟอร์มอื่นที่นอกเหนือจาก iOS และ macOS ของตัวเอง นี่อาจเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของการชุบตัวครั้งใหม่ของ Apple จุดนี้ Apple ยืนยันว่าผู้ที่ซื้ออุปกรณ์จากซัมซุง (Samsung), แอลจี (LG), โซนี (Sony) หรือแม้แต่วิซิโอ (Vizio) ในอนาคตอาจได้เห็นตัวเครื่องที่มาพร้อมกับแอป Apple TV ใหม่ แน่นอนว่าจะเป็นสิ่งที่ท้าทาย Netflix ซึ่งกำลังหาทางโตด้วยวิธีเดียวกัน
มุมที่ 6 คือ Apple กำลังบีบ Google และ Facebook เรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ทั้งบริการ Apple News+ ที่ Apple ระบุว่าจะไม่ทรายเลบว่าใครอ่านอะไร หรือ Apple Arcade ที่บอกว่าจะไม่มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับใครโดยไม่ได้รับความยินยอม ยังมีบริการ Apple TV ที่แสดงจุดยืนว่าเป็นบริการสมัครสมาชิกโดยไม่ต้องโฆษณา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอันตรายกับ Google และ Facebook
ความเคลื่อนไหวของ Apple ถูกมองว่ากำลังคุกคามตลาดสื่อดั้งเดิมด้วยการทำลายช่องทางการโฆษณาที่โจ่งแจ้งเกินไป เรื่องนี้มองได้ 2 ด้านเพราะสามารถแสดงหลักการที่ชัดเจนเรื่องการปกป้องลูกค้า Apple ได้ ขณะที่ Apple ก็สามารถสร้างความต่างให้บริการตัวเองด้วยการเปิดช่องให้นักโฆษณาเดินทางมาพบผู้สร้างเนื้อหาได้โดยตรง ภาวะที่อุตสาหกรรมสื่อตัวกลางกำลังถูกกีดกันนี้น่าสนใจแน่นอน
มีแค่ Arcade และ TV+ ที่มาไทย
จากการประเมินเบื้องต้น มีเพียง 2 ใน 4 บริการใหม่ Apple เท่านั้นที่มีแนวโน้มให้บริการในประเทศไทยช่วง 1-2 ปีนับจากนี้ นั่นคือ Apple Arcade และ TV+ ซึ่งเป็นบริการที่มีแนวโน้มรุ่งโรจน์ในแดนสยามเมืองยิ้ม
เหนืออื่นใด การเปิดตัว 4 บริการใหม่นี้จะทำให้รายรับจากธุรกิจบริการของ Apple ทั่วโลกเติบโตขึ้น ที่ผ่านมา ธุรกิจนี้ซึ่งรวมแอปเปิลสโตร์ (App Store), ไอคลาวด์ (iCloud) และธุรกิจเพลงเช่นแอปเปิลมิวสิก (Apple Music) นั้นเพิ่มขึ้น 24% เป็น 37,100 ล้านเหรียญสหรัฐในปีงบประมาณ 2018 โดยกลุ่มดังกล่าวคิดเป็นเพียง 14% ของรายรับรวมของ Apple ที่มีอยู่ทั้งหมด 265,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนว่ายังมีโอกาสที่ Apple จะเติบโตได้ไฉไลกว่าเดิม.