เมื่อช่องทางเติมเงินผ่านตู้เติมเงินกลายเป็นช่องทางหลักให้แก่โอเปอเรเตอร์ด้วยสัดส่วนกว่า 40% ทรูจึงจับมือกับ 'เติมสบายพลัส' พัฒนาตู้เติมเงินที่รองรับการเปิดเบอร์พร้อมลงทะเบียนซิมรายแรกในไทยหวังเพิ่มจุดจำหน่ายซิมการ์ดในพื้นที่ห่างไกล
นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมปีนี้ว่าจะยังคงมีการแข่งขันทางด้านราคาอยู่แต่จะเพิ่มเติมด้วยการนำเสนอนวัตกรรมออกสู่ตลาด อย่างในช่วงที่ผ่านมาทางกลุ่มทรู ได้ร่วมงานกับ สบาย เทคโนโลยี ผู้พัฒนาตู้เติมสบายพลัสขึ้นมาเป็นอีกช่องทางในการรับเติมเงิน และชำระค่าบริการต่างๆ ก่อนที่จะขยายมาเป็นตู้จำหน่ายซิมการ์ดด้วย
'ปัจจุบันตู้เติมเงินถือเป็นช่องทางหลักในการเติมเงินที่มีสัดส่วนกว่า 40% ของลูกค้าพรีเพด การจับมือกับเติมสบายในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถซื้อซิมการ์ดและเปิดเบอร์ทรูมูฟเอชได้สะดวกขึ้นด้วย'
จุดเด่นหลักของ ตู้เติมสบายพลัส คือมาพร้อมกับระบบยืนยันตัวตนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (eKYC) ทำให้กลายเป็นตู้เติมเงินแรกในตลาดที่สามารถขายซิมการ์ดและเปิดใช้บริการได้ทันทีด้วยการลงทะเบียนซิมผ่านระบบ 2 แชะ ตามมาตรฐานของ กสทช.
เบื้องต้น จะเริ่มนำเสนอตู้เติมสบายพลัส ที่สามารถเปิดซิมทรูมูฟ เอชได้ 1,000 แห่ง ภายในไตรมาส 2โดยจะเน้นในพื้นที่ห่างไกลที่ปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายเดิมยังไม่ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็น โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา ตามชุมชนต่างๆ
'การมีตู้เติมเงินรูปแบบนี้ ถือเป็นการเพิ่มช่องทางไมโครท็อปอัปเข้าไปในระบบบนพื้นฐานของความสะดวก ใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าหาซื้อซิมการ์ดได้ง่ายขึ้นด้วย'
ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ทรูมูฟ เอช มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 31% ด้วยจำนวนลูกค้า 29.2 ล้านรายแบ่งเป็นระบบเติมเงิน 21.6 ล้านรายและรายเดือน 7.6 ล้านราย ซึ่งในปีที่ผ่านมามีลูกค้าเพิ่มขึ้นราว 2ล้านรายในขณะที่ตลาดรวมลูกค้าเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านราย
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สบาย เทคโนโลยีเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทางทรูมากว่า 4 ปีโดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาตู้เติมเงิน เพื่อลดภาระในการเดินทาง และเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน
'หลายๆบริการค่าแรงเป็นส่วนที่ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงการที่มีเครื่องมาช่วย จะช่วยกระตุ้นให้เกิดเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เพราะประหยัดทั้งเวลา และต้นทุน ทำให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าและบริการในราคาที่ถูกลง'
ปัจจุบัน ตู้เติมสบายพลัส กระจายอยู่ทั่วประเทศแล้ว 5.1 หมื่นตู้และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7 หมื่นตู้ภายในสิ้นปีนี้ โดยหลักๆแล้วกว่า 80% จะอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่เริ่มขยายเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออย่าง7-11ด้วย โดยความสามารถของตู้เติมสบายพลัส นอกจากเติมเงิน
และชำระค่าบริการโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ยังสามารถใช้ชำระค่าสาธรณูปโภค เติมเงินเข้ากระเป๋าเงินออนไลน์ ไปจนถึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ปัจจุบันรองรับธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และจะรองรับธนาคารออมสิน ในวันที่ 1 เมษายนนี้