ชื่อแบรนด์ของ ไมเดีย (Midea)อาจจะเป็นชื่อใหม่ที่คนไทยยังไม่คุ้นเคยมากนักในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่กลับกันในประเทศจีน ไมเดียถือเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดและมีแผนที่จะขยายตลาดออกไปทั่วโลกให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากการลงทุนวิจัยและพัฒนา ที่ไมเดีย ใช้งบประมาณกว่า 3พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายมากขึ้น ไปจนถึงการลงทุนในส่วนของโรงงานผลิตที่เริ่มนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานอย่างมีนัยยะสำคัญ
ในภาพของคอนซูเมอร์จีน ไมเดีย ถือเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในระดับกลางบนจากไลน์สินค้าที่มีให้เลือกครอบคลุมตั้งแต่ระดับล่าง ไปจนถึงระดับบนที่มีการใส่เทคโนโลยีเข้าไป ที่น่าสนใจคือ ไมเดีย เริ่มลงทุนพัฒนาสมาร์ทโฮม และสมาร์ทบิลดิ้งให้ผู้บริโภคในจีนได้เริ่มใช้งานกันแล้ว ด้วยการนำ Aiเข้ามาช่วยควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้าน ที่มีความหลากหลายด้วยการเชื่อมต่อ IoT เข้ากับเครือข่ายไวไฟภายในบ้าน
ทั้งการสร้างแพลตฟอร์มกลางขึ้นมาให้สามารถใช้ผู้ช่วยส่วนตัวสั่งงานด้วยเสียงควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไปจนถึงการแสดงผลรายละเอียดต่างๆ บนจอโทรทัศน์ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีอะไรที่เคยเห็นกันในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกาหลีและญี่ปุ่น ไมเดีย ก็มีเหมือนกัน
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ไมเดียกลายเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแรงอย่างมากในตลาดจีนโดยเฉพาะในเรื่องของการนำ AI มาใช้งาน เพราะเป็นที่รู้กันว่า AIจะพัฒนาได้มากขึ้น ถ้าเกิดการใช้งานและค่อยๆเรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้
ดังนั้น เมื่อเทียบจำนวนประชากรในจีน ที่มีกว่าพันล้านคน ทำให้ ไมเดียสามารถนำ AI มาพัฒนาและตอบโจทย์การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งานได้มากขึ้น
สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ ไมเดีย ทำตลาดในจีนเวลานี้หลักๆแล้วจะโดดเด่นที่เครื่องปรับอากาศ ตามมาด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องดูดฝุ่น พัดลม เครื่องฟอกอากาศ อุปกรณ์ล็อกประตูไฟฟ้า กล้องวงจรปิดไปจนถึงเครื่องทำน้ำร้อน
จะเห็นได้ว่า เมื่อมีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลายการที่ไมเดียลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นมา เพื่อควบคุมการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ ถือเป็นเทรนด์ที่ต้องทำต่อไปในอนาคตอยู่แล้ว
ส่วนในแง่ของภาษา ผู้บริหารไมเดียมองว่าไม่ใช่อุปสรรคสำคัญเท่ากับเรื่องของเทคโนโลยีเพราะถ้าภาษาจีนที่มีความซับซ้อนมากที่สุดในโลกยังรองรับแล้ว การแปลงมาเป็นภาษาอื่นๆ ก็สามารถทำได้ทันทีถ้ามีตลาดรองรับกับความต้องการ
***ลงทุนหุ่นยนต์ช่วยผลิต แทนแรงงานมนุษย์
นอกจากในส่วนของการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคใช้งานแล้วอีกส่วนที่ไมเดีย มีการลงทุนมหาศาลเหมือนกัน คือเรื่องของโรงงานผลิตโดยล่าสุดเปิดให้สื่อมวลชนจากประเทศไทย ได้เข้าไปสัมผัสถึงกระบวนการและขั้นตอนการผลิตต่างๆ ที่ใช้หุ่นยนต์มาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน
เฮนรี เฉิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท ไมเดีย เรซิเดนท์เชียล แอร์ คอนดิชันเนอร์ โอเวอร์ซี เซลส์ คอมพานี ประเทศจีน ให้ข้อมูลว่า โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในซุนเต๋อ มณฑล กวางเจา ของไมเดีย ได้เริ่มนำหุ่นยนต์กว่า 800ตัวเข้ามาเป็นกำลังหลักในการผลิต โดยการมาของหุ่นยนต์จำนวนนี้สามารถแทนที่แรงงานมนุษย์ได้กว่า 24,000 คน
ขณะเดียวกันมีแผนที่จะลงทุนหุ่นยนต์เพิ่มเติมในโรงงานอื่นๆต่อไปจากที่ปัจจุบัน ไมเดีย มีโรงงานทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศจีน 18แห่ง และในต่างประเทศอีก 15 แห่ง ในการทำตลาดครอบคลุมทั้งหมด 200 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ไมเดีย ไม่ได้มองว่า การลงทุนในหุ่นยนต์ จะทำให้มนุษย์ตกงานเพราะแรงงานที่มีอยู่เดิมสามารถพัฒนาขึ้นไปทำงานที่ละเอียดมากขึ้นทั้งในเรื่องการเช็กคุณภาพของสินค้า ไปจนถึงการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ โดยภายในโรงงานผลิตแต่ละแห่งจะมีการนำ Big Data มาช่วยในการวิเคราะห์และประมวลผล ทั้งปริมาณวัตถุดิบ พลังงานไฟฟ้า การบำรุงรักษาต่างๆ เพื่อให้สามารถปรับและคำนวนกำลังการผลิตได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด
***ในไทยเริ่มจากเครื่องปรับอากาศ
สำหรับความเคลื่อนไหวของ ไมเดีย ในตลาดไทยเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากที่ ไมเดียเข้าซื้อกิจการโตชิบา ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยในปีนี้จะได้เริ่มเห็นการจำหน่ายเครื่องปรับอากาศภายใต้แบรนด์ ไมเดียที่ใช้ช่องทางต่างๆของโตชิบาเดิม
โทนี่ หลิว ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศประจำประเทศไทย ระบุว่า ตอนนี้แบรนด์ไมเดียในไทยถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นทำให้ผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของราคาและประสิทธิภาพเป็นหลัก เพื่อสร้างให้เกิดการรับรู้แก่กลุ่มผู้ใช้ที่ผ่านมา ไมเดีย ใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองเป็นหลักด้วยการทำตลาดในต่างจังหวัดซึ่งครัวเรือนส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องปรับอากาศใช้งานประกอบกับด้วยการที่ตลาดเครื่องปรับอากาศส่วนใหญ่จะเป็นการติดตั้งใหม่ที่มีสัดส่วนมากกว่าแทนที่เครื่องเก่าดังนั้นจึงมุ่งไปยังตลาดที่เริ่มใช้งานก่อน
ส่วนในปีนี้ จะเริ่มนำเทคโนโลยีหลังบ้านเข้ามาให้ช่องทางจำหน่ายต่างๆให้เห็นมากขึ้นอย่างนวัตกรรมในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศของไมเดียที่ช่วยให้ช่างสามารถติดตั้งได้เร็วกว่าแอร์ทั่วๆไปถึง 20% ทำให้สามารถติดตั้งได้จำนวนเครื่องมากขึ้นในระยะเวลาเท่าเดิม
***สมาร์ทโฮมในไทยอาจต้องรออีก 5 ปีข้างหน้า
ด้วยเป้าหมายของไมเดียที่ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 3ในตลาดเครื่องปรับอากาศภายใน 5 ปีข้างหน้า เมื่อถึงเวลานั้น แบรนด์ไมเดียจะได้รับการยอมรับมากขึ้น ผู้บริโภคจะไม่ได้มองว่าเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศราคาถูกอีกต่อไป ทำให้สามารถนำเสนอนวัตกรรมได้มากขึ้น
โทนี่ ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันแอร์ทุกตัวของไมเดียที่ทำตลาดสามารถเชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮมได้อยู่แล้วเพียงแต่ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริม เพื่อให้รองรับการเชื่อมต่อไร้สายเข้ากับแพลตฟอร์ม แต่ก็หมายถึงมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ไมเดียยังไม่เน้นในจุดนี้มากนัก
อย่างในประเทศจีน ไมเดีย จะมีเครื่องปรับอากาศที่ผู้ใช้สามารถจำลองสภาพอากาศจากสถานที่ต่างๆทั่วโลก โดยดึงข้อมูลจากแอปพลิเคชันพยากรณ์สภาพอากาศสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อให้อุณหภูมิในห้องใกล้เคียงกับที่กำหนดไว้ หรือแม้แต่ตู้เย็นที่มากับหน้าจอแสดงผลที่สามารถดูวัตถุดิบที่อยู่ภายในตู้เพื่อแนะนำเมนูอาหารที่ทำได้ไปจนถึงสั่งสินค้าจากอีคอมเมิร์ซเข้ามาเติมเมื่อของในตู้เย็นหมดซึ่งปัจจุบันเริ่มให้บริการแล้วในประเทศจีน