หัวเว่ย (Huawei) แสดงความพร้อมในการเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Huawei Mate X สมาร์ทโฟนจอพับได้ ที่รองรับ 5G ขนาดหน้าจอ 8 นิ้ว โดยระบุว่าเหนือกว่าสมาร์ทโฟนของคู่แข่งทุกราย ขณะเดียวกัน ยังเปิดตัวโน้ตบุ๊ก MateBook X Pro รุ่นใหม่ และอุปกรณ์กระจายสัญญาณที่รองรับ 5G ด้วย
ริชาร์ด หยู ซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจในปีที่ผ่านมาว่า หัวเว่ย สามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนไปได้กว่า 206 ล้านเครื่อง และขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ในตลาดสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกับการเติบโตทางด้านแบรนด์ ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น
แนวคิดในการทำธุรกิจของหัวเว่ย คอนซูเมอร์ ในปีนี้ จะเน้นที่การเชื่อมต่อภายใต้ 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ สมาร์ทออฟฟิศ ด้วยการแนะนำ Huawei MateBook X Pro โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ที่ออกมาตอบโจทย์ในแง่ของการทำงาน ด้วยการออกแบบให้บาง และพกพาใช้งานได้สะดวกขึ้น ด้วยสัดส่วนหน้าจอ Ultra FullView Display ถึง 91% ของตัวเครื่องโน้ตบุ๊กจอ 13 นิ้ว
จุดที่ตัวเครื่องบางที่สุดอยู่ที่ 4.9 มิลลิเมตร และหนาที่สุด 14.6 มิลลิเมตร ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 ที่ให้ความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุด 1733 Mbps มากับพอร์ต USB-C (Thunderbolt 3) ให้ใช้งาน ภายในใช้หน่วยประมวลผล 8th Gen Intel Core รุ่นล่าสุด
นอกจากนี้ ยังมากับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (ที่ปุ่มเปิดเครื่อง) ระบบเสียง Immersive Audio Experience ที่ช่วยให้เสียงของ Dolby Atmos ทำงานได้สมบูรณ์ที่สุด
ยังมีการพัฒนาระบบ Huawei Share 3.0 (OneHop) ที่สามารถส่งต่อข้อมูล รูปภาพระหว่างสมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊กด้วยระบบ NFC หลังจากนั้น สามารถแชร์ภาพถ่ายหน้าจอ ข้อความจากคลิปบอร์ด ไฟล์ต่างๆ ไปจนถึงวิดีโอ และใช้โน้ตบุ๊กรับสายที่โทรเข้าในสมาร์ทโฟนได้
รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มโน้ตบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็น MateBook 13” Touch Screen และ MateBook 14” จากเดิมที่จะมีเฉพาะตัว 13” เท่านั้น เมื่อรวมกับ MateBook D MateBook E และ MateBook X จะทำให้มีไลน์สินค้าในกลุ่มที่ครบมากขึ้น
ริชาร์ด ระบุว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา หัวเว่ย สามารถทำตลาดโน้ตบุ๊กได้เติบโตถึง 4 เท่าตัว จาก Huawei MateBook X และเชื่อว่า MateBook X Pro รุ่นใหม่ จะสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้มากกว่าเดิม จากประสิทธิภาพรวมที่เพิ่มขึ้น
ถัดมา คือ กลุ่มสมาร์ทโฮม ที่เปิดตัวเราเตอร์กระจายสัญญาณ 5G CPE Pro เพื่อกระจาย Wi-Fi 6 ให้อุปกรณ์อื่นได้เชื่อมต่อใช้งานภายในบ้าน รวมถึงใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เป็นโมบายเราเตอร์ 5G แบบพกพาได้ และตัวรับสัญญาณ 5G ภายนอกบ้าน
สุดท้าย คือ ไฮไลต์ในกลุ่มของผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว Huawei Mate X จะแบ่งเป็น 2 ส่วนที่กางออกมาเชื่อมต่อกัน โดยฝั่งหนึ่งจะมีขนาด 6.6 นิ้ว และอีกด้านจะเป็นจอขนาด 6.38 นิ้ว หนา 11 มิลลิเมตร เมื่อกางแล้วออกมาเป็นแท็บเล็ตหน้าจอ 8 นิ้ว บาง 5.4 มิลลิเมตร
ด้านข้างเครื่องจะมีปุ่มเปิดเครื่อง ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ เมื่อพับหน้าจอจะเรียบเสมอกับหลังเครื่อง ด้วยการพัฒนาข้อต่อที่มีชิ้นส่วนกว่า 100 ชิ้นเข้าด้วยกัน โดยระบุว่าใช้เวลาในการพัฒนากว่า 3 ปี
นอกจากนี้ ยังเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้รุ่นแรกของโลกที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G ด้วยชิปเซต Balong 5000 เมื่อทำงานร่วมกับชิปเซต Kirion 980 จะทำให้สามารถรวมการเชื่อมต่อทั้ง 5G และ 4G เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถเชื่อมต่อได้ความเร็วสูงสุด 4.6 Gbps โดยคิดภาพง่ายๆ คือ ดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 1 GB ได้ในเวลา 3 วินาที
ขณะเดียวกัน เมื่อเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ก็จะได้ในเรื่องของความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ในการเข้ารหัสข้อมูลต่างๆ แน่นอนว่าในเวลานี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุค 5G แต่การแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของหัวเว่ย ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างมาตรฐานในการพัฒนาสมาร์ทโฟน 4G และ 5G ต่อไปในอนาคต
ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ Dual SIM โดยซิมการ์ดแรกรองรับ 2G/3G/4G/5G ส่วนซิมที่ 2 รองรับ 2G/3G/4G ภายในให้แบตเตอรีมาขนาด 4,500 mAh รองรับการชาร์จเร็วที่สุดในเวลานี้ด้วยความเร็วในการชาร์จที่ 55W (Mate 20 Pro 40W) หรือชาร์จ 85% ใน 30 นาที
เบื้องต้น Huawei Mate X จะวางจำหน่ายภายในกลางปีนี้ ในราคา 2,299 ยูโร หรือราว 8 หมื่นบาท โดยในช่วงแรกจะวางจำหน่ายในบางประเทศก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาเครือข่าย 5G กันอยู่
