xs
xsm
sm
md
lg

ถึงเวลา “Samsung” เดินเกมรุกตลาดสมาร์ทโฟน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ท่ามกลางสมรภูมิสมาร์ทโฟนที่แบรนด์จีน เบียดเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทย ซัมซุงที่ปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์เกาหลี เพียงแบรนด์เดียวที่ยืนหยัดอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟน ต้องเจอกับการแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในทุกช่วงระดับราคาสินค้า

จากข้อมูลปรากฏว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ออปโป้ ได้เบียดแซงซัมซุง ในแง่ของยอดขายสมาร์ทโฟนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 และวางแผนที่จะรักษาส่วนแบ่งดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 งานนี้ ซัมซุง จึงต้องมีการปรับรูปแบบการทำตลาดครั้งใหญ่ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดกลับมาให้ได้ ไม่ใช่การโฟกัสแค่ในสมาร์ทโฟนระดับกลาง-บนเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับตลาดสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นเพิ่มมากขึ้น

เพียงแต่กว่าจะได้เริ่มเห็นการทำตลาดไลน์ผลิตภัณฑ์ระดับเริ่มต้น-กลางของซัมซุง อาจต้องรอถึงช่วงปลายไตรมาส 1 เนื่องจากในช่วงนี้ ซัมซุง จะให้ความสำคัญกับเครื่องที่เป็นแฟลกชิปของปีอย่าง Samsung Galaxy S10 ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อน แน่นอนว่า ซัมซุง ยังไม่สามารถให้ข้อมูลตัวเลขส่วนแบ่งตลาดใดๆ ได้เช่นเดิม เพราะอย่างที่รับรู้กันว่า ข้อมูลที่เปิดเผยออกมาจะเป็นยอดจำหน่ายในแง่ของตัวเครื่อง แต่ในเชิงส่วนแบ่งทางด้านมูลค่าซัมซุง ยังครองที่หนึ่งอยู่เช่นเดิม




วรรณา สวัสดิกูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จํากัด กล่าวว่าตั้งแต่ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทีมงานซัมซุง ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมของไลน์สินค้าที่จะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในปีนี้ ที่จะครอบคลุมทุกช่วงระดับราคาในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป

“สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์เข้ากับแคมเปญทางการตลาดให้เหมาะสม และเดินหน้าไปด้วยกัน ทำให้ต้องทำการบ้านเพิ่มมากขึ้น เพราะสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นก็มีความโดดเด่น และกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ดังนั้น ในปีนี้จะได้เห็นรูปแบบการตลาดที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงลูกค้าในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน”


โดยในปีนี้ ซัมซุง จะเดินหน้าโฟกัสลูกค้า 3 กลุ่มหลัก ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นลักชัวรี (Modern Luxury) พรีเมียมมิลเลเนียล (Premium Millennial) และกลุ่มเจนซี ที่ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่รวมถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่อยากหยุดนิ่ง

เมื่อถามถึงภาพรวมของซัมซุง ในตลาดสมาร์ทโฟน วรรณา ยืนยันว่า ซัมซุง ยังแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญในตลาดภาพรวมทั้งปี และเชื่อว่าในปีนี้ก็จะยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะมีการปรับแผนการตลาด เพื่อรักษาอัตราการเติบโตไว้


เริ่มกันจาก Samsung Galaxy S10 ซีรีส์ ที่ซัมซุง มั่นใจถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ทั้งในแง่ของการแสดงผล (จอภาพ) กล้อง และแบตเตอรี ดังนั้น วิธีการสื่อสารของ S10 จะเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการก้าวข้ามรูปแบบการใช้งานสมาร์ทโฟนแบบเดิมๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการหาอุปกรณ์มาสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพที่อยากได้อุปกรณ์คู่กาย พกพาสะดวก เหล่าครีเอเตอร์ที่ต้องการสมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอ และตัดต่อได้ในอุปกรณ์ชิ้นเดียว ไปจนถึงเกมเมอร์ที่มองหาสมาร์ทโฟนที่เข้ามาตอบโจทย์การแคสต์เกม

ดังนั้น สิ่งที่ซัมซุง นำเสนอ จึงไม่ใช่การดึงจุดเด่นเพียงอย่างเดียวขึ้นมา แต่เป็นการนำเสนอให้เห็นถึงภาพรวมของผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบทั้งประสิทธิภาพ การใช้งาน โดยเฉพาะในจุดเล็กๆ ที่เข้าใจผู้ใช้งาน มากกว่าการเลือกนำจุดขายเพียงบางอย่างออกมานำเสนอ

***ฉลอง 10 ปี แห่ง Galaxy S ด้วยนวัตกรรมใหม่

เบื้องต้น นวัตกรรมที่ซัมซุง เลือกนำมาใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของสินค้าในตระกูล Galaxy S เริ่มต้นจากหน้าจอที่ปรับมาใช้จอแบบเจาะรูในชื่อ Infinity O ซึ่งทำออกมาทั้งรุ่นจอแบน (S10e) และจอโค้ง (S10 และ S10+) ที่จะกลายเป็นมาตรฐานจอสมาร์ทโฟนในปีนี้

ถัดมา คือ เรื่องของกล้องถ่ายภาพที่เน้นการเพิ่มเลนส์แบบ Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เข้ามา จากเลนส์ถ่ายภาพปกติ ที่ให้ความคมชัดสูงขึ้น พร้อมกับมุมมองในการถ่ายภาพแบบใหม่ในทั้ง 3 รุ่น โดยในรุ่น S10 และ S10+ จะเพิ่มเลนส์ Telephoto เข้ามา เพื่อช่วยในการถ่ายภาพระยะไกลด้วย

ในส่วนของการใช้งานกล้อง ก็จะมีการนำ AI มาช่วยในการประมวลผล ทั้ง Scene Optimizer ที่ใช้เลือกโหมดในการถ่ายภาพให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพแสง และวัตถุ กับอีกโหมดใหม่ คือ Shot Suggestion ที่เมื่อเล็งมุมถ่ายภาพแล้ว จะมีการแนะนำจุดสมดุลในการถ่ายภาพเพิ่มเข้ามา ไปจนถึงการนำระบบกันสั่น OIS ในระดับเดียวกับกล้องแอ็กชันแคม ติดตั้งเข้ามาให้ใช้งานในการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง เพื่อทำให้ Galaxy S10 สามารถช่วยสร้างสรรค์วิดีโอได้ง่ายขึ้น


นอกจากเรื่องกล้อง ก็จะมีฟีเจอร์อย่างระบบสแกนลายนิ้วมือ ที่ในรุ่น S10 และ S10+ จะมีการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ที่ใช้เซ็นเซอร์แบบ Ultrasonic ส่วนในรุ่น S10e จะใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่องด้านขวาของเครื่อง

อีกฟังก์ชันไฮไลต์ คือ ระบบการชาร์จไร้สาย (Wireless Charge) ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้รองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charge 2.0) และยังสามารถใช้แชร์แบตเตอรีให้แก่อุปกรณ์อื่นที่รองรับการชาร์จไร้สายได้ โดยซัมซุง ใช้ชื่อระบบนี้ว่า “Wireless Power Share” พร้อมยกตัวอย่างในการชาร์จไฟนาฬิกา Galaxy Watch และหูฟัง Galaxy Buds ด้วย

สุดท้าย ในเรื่องของการเชื่อมต่อของสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่น จะรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE Cat 20 ที่รองรับความเร็วในการเชื่อมต่อสูงถึง 2 Gigabit จากการรวมคลื่น 7CA เข้าด้วยกัน รวมถึงระบบไวไฟมาตรฐานใหม่ Wi-Fi 6 ที่เร็วกว่าเดิม 4 เท่า ที่คาดว่าจะเริ่มใช้กันในช่วงกลางปีนี้

“นวัตกรรมที่อยู่ภายในของ S10 ซีรีส์ จริงๆ คือ ความอัจฉริยะ (intelligence) ที่เป็นการผสมผสาน AI เข้ามาช่วยทั้งในเรื่องของการแสดงผลบนหน้าจอ เรื่องของกล้องทั้งภาพนิ่ง และวิดีโอ ไปจนถึงเรื่องของแบตเตอรี เพื่อทำให้ผู้บริโภคใช้งานได้ดีที่สุด”

*** Galaxy รุ่นพิเศษ จอพับ และ 5G

สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพร์สในงาน Galaxy Unpacked 2019 ครั้งนี้ นอกจาก 3 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy S10e, Galaxy S10, และ Galaxy S10+ โดยเฉพาะในรุ่น Galaxy S10+ ที่ทำรุ่นพิเศษออกมา ที่ให้ RAM 12 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 1 TB และปรับฝาหลังเป็นเซรามิก วางขายในระดับราคาแพงสุดที่ 55,900 บาทแล้ว



ทำให้รวมๆ แล้วราคาจำหน่ายของ Galaxy S10 จะเริ่มต้นที่ 26,900 บาท ไปจนถึง 55,900 บาท โดยรุ่นที่วางจำหน่ายในไทย S10e และ S10 จะนำเข้ามาเฉพาะรุ่น RAM 6 GB และ ROM 128 GB เท่านั้น ส่วน S10+ จะมีให้เลือกทั้ง RAM 8 GB หรือ 12 GB และ ROM สูงสุด 1 TB

ยังมีการเผยโฉมสมาร์ทโฟนจอพับได้ Samsung Galaxy Fold ออกมาให้เห็น โดยซัมซุง พยายามชูความโดดเด่นในเรื่องของนวัตกรรมจอโค้งที่สามารถพับได้ จากตัวเครื่องที่ใช้จอพับเข้าหากัน ทำให้ Galaxy Fold มากับ 2 หน้าจอ คือ จอภายนอกขนาด 4.6 นิ้ว และเมื่อกางออก จะกลายเป็นแท็บเล็ตจอ 7.3 นิ้ว โดย Galaxy Fold จะมากับกล้อง 6 ตัวด้วยกัน ประกอบไปด้วยกล้องหลัก และกล้องภายในเมื่อกางจอ ชุดเดียวกับ Galaxy S10+ เพิ่มด้วยกล้องหน้าอีกหนึ่งเลนส์ให้ใช้งานกัน ราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ 1,980 เหรียญสหรัฐ ในวันที่ 26 เมษายน

อีกรุ่นที่ถูกนำเสนอภายในงานก็คือ Samsung Galaxy S10 5G รุ่นแรกของซัมซุง โดยจะมาพร้อมกับหน้าจอ Infinity Display ขนาด 6.7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่สเปกอื่นๆ ภายในจะคล้ายกับ S10 เพิ่มเติมด้วยกล้องแบบ 3D Depth และแบตเตอรีขนาด 4,500 mAh




“การมาของ Fold จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะยกระดับแบรนด์ของซัมซุง ให้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในแง่บริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมที่ชัดเจน และมั่นใจว่าเมื่อนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารระดับ C เลเวล ที่มองอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นมากกว่าสมาร์ทโฟน”

***ปรากฏการณ์ใหม่ เปิดจอง ก่อนเปิดตัว ได้ใช้กลุ่มแรกในโลก

หนึ่งในความน่าสนใจของการเปิดตัว Samsung Galaxy S10 ในครั้งนี้ คือ การที่ซัมซุง เลือกใช้ช่องทางสื่อสารแทบทุกช่องทางในการนำเสนอนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นผ่านโฆษณาทีวีซี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของสมาร์ทโฟนตระกูลนี้ โดยนอกจากการโปรโมตนวัตกรรมแล้ว ซัมซุง ยังเลือกที่จะเล่นกับกลุ่มสาวกผู้ใช้งาน ด้วยการทำแคมเปญเปิดให้จอง Samsung Galaxy S10 ก่อนที่จะมีการเปิดตัว โดยไม่มีการให้รายละเอียดสินค้าๆ กับลูกค้าที่จองเลย แต่ลูกค้าที่จองจะได้รับสิทธิในการเข้าร่วมงานเปิดตัว และได้เครื่องใช้เป็นกลุ่มแรก


ปรากฏว่ามีผู้สนใจลงทะเบียนล่วงหน้ามากกว่า 2 หมื่นคน แสดงให้เห็นถึงฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่นของซัมซุง และพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์ต่อไป โดยนอกจากจะได้รับเครื่องก่อนใครในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ยังสามารถแลกรับส่วนลดโปรโมชันสูงสุด 10,000 บาท โดยเฉพาะ 1,000 รายแรกที่มารับเครื่องจะได้รับไวร์เลสพาวเวอร์แบงก์ มูลค่า 1,590 บาท ติดกลับไปด้วย

ที่น่าสนใจ คือ คำว่าได้เครื่องใช้เป็นกลุ่มแรก ไม่ใช่เฉพาะการเป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย แต่กลายเป็นการวางขายก่อนที่แรกของโลก ทำให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนให้ความสนใจไว้ล่วงหน้า ถ้าไปใช้สิทธิภายในงานเปิดตัว ก็จะได้ซื้อเครื่องเป็นที่แรกในโลกก่อนที่ประเทศอื่น และไทยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มีนาคม


วรรณา ให้เหตุผลถึงการทำแคมเปญนี้ขึ้นมาว่า เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบสินค้าในตระกูล Galaxy S และมีแผนที่จะเปลี่ยนเครื่องใหม่อยู่แล้ว ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์พิเศษในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับโลกครั้งนี้ในประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นการลองแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจากทางบริษัทแม่ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ที่ปัจจุบันเริ่มกลายเป็นตลาดที่อิ่มตัวแล้ว แต่ยังถือเป็นตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนของทางซัมซุงด้วยเช่นกัน

***ดึง iKON ช่วยจุดกระแส


อีกกิจกรรมการตลาดที่น่าสนใจ คือ การเลือกใช้ศิลปินเกาหลีมาเป็นหนึ่งในพรีเซ็นเตอร์ช่วงการเปิดตัว ด้วยการดึงวงเคป็อปอย่าง iKON ที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มแฟนคลับที่เรียกว่า iKONIC มาร่วมสร้างประสบการณ์

โดยให้สิทธิแฟนคลับที่ใช้งาน Samsung Galaxy รุ่นใดก็ได้ ถ่ายรูปพร้อมทำกิจกรรม “10isComingXiKON” แชร์ผ่านสื่อโซเชียล เพื่อให้ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงานเปิดตัว และรับชมคอนเสิร์ตจากศิลปินกลุ่มนี้

คำถามที่เกิดขึ้น คือ ทำไมที่ผ่านมา ซัมซุง ถึงไม่เคยเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นศิลปินเกาหลีเลย ทั้งๆ ที่เป็นแบรนด์เกาหลี และมีโอกาสที่จะร่วมงานกันศิลปินเกาหลีมากที่สุด เหตุผลก็คือ ที่ผ่านมา ด้วยการที่อยู่ในช่วงการปั้นภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก ทำให้พยามฉีกภาพออกจากการเป็นเกาหลีมากที่สุด

แต่ในปัจจุบัน K-Pop กลายเป็นหนึ่งในกระแสสำคัญที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ดังนั้น การเลือกหันมาใช้ศิลปินเกาหลี เพื่อช่วยโปรโมต จึงกลายเป็นอีกรูปแบบการทำตลาดใหม่ที่เกิดขึ้นในยุคนี้ด้วย









กำลังโหลดความคิดเห็น