xs
xsm
sm
md
lg

Efficient IP มอง DDI ไทยโอกาสโตสูง ตั้งทีมเสริมพันธมิตรสู่แชมป์โลกใน 3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นิค อิททา
เอฟฟิเชียนต์ไอพี (Efficient IP) บริษัทพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย DDI สัญชาติฝรั่งเศส ประกาศพร้อมบุกตลาดไทยเต็มที่หลังจากเริ่มชิมลางตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ระบุปีนี้เตรียมลงทุนสูง เพราะเห็นการตื่นตัวขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนซีเคียวริตีเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าเติบโต 30% ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของภาพรวมอุตสาหกรรม สานฝันขึ้นเบอร์ 1 บนเวทีโลกให้ได้ในปี 2022 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า

นิค อิททา รองประธานฝ่ายขาย ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Efficient IP ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินธุรกิจโซลูชัน DDI (DNS-DHCP-IPAM) ว่า ปัจจุบัน ตลาด DDI ของไทยมีการตื่นตัวสูง เนื่องจากการมีอุปกรณ์บนเครือข่ายมากขึ้น ทำให้มีจุดอ่อนในการโจมตีมากตามไปด้วย จุดนี้องค์กรส่วนใหญ่เริ่มตระหนักแล้วว่า หากไม่มีการป้องกัน ก็อาจจะเป็นเหตุสู่ปัญหาข้อมูลลูกค้ารั่วไหล มีโอกาสเสียหายบานปลาย เป็นปัญหาใหญ่โต

“DDI ถือเป็นรากฐานของทุกบริการออนไลน์ ถ้าฐานไม่แน่น ก็สร้างบ้านไม่ได้ โดยเฉพาะบริการอย่างอินเทอร์เน็ตแบงกิง การลงทุนในระบบ DDI หรือโซลูชัน DNS ไม่มีสัดส่วนแน่นอนเมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นด้านซีเคียวริตี แต่เราเชื่อว่ามีสัดส่วนมหาศาล เพราะเป็นสิ่งที่องค์กรต้องทำ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายตามมาหากเกิดการโจมตีดิจิทัล”

DDI เป็นระบบการจัดการการเชื่อมต่อบริการออนไลน์ ซึ่งมีฐานหลักที่การจัดการระบบโดเมนเนม (DNS) และการจัดการหมายเลขไอพีแอดเดรส หากองค์กรใดไม่ได้ลงทุนซื้อโซลูชัน DDI ก็อาจมีความเสี่ยง ทำให้เกิดปัญหาเว็บไซต์ล่ม ระบบอีเมลใช้การไม่ได้ รวมถึงระบบพอร์ทัลขององค์กรที่อาจไม่ลื่นไหลเมื่อมีปริมาณทราฟฟิกจำนวนมากเข้ามาใช้งานพร้อมกัน

ผู้บริหาร Efficient IP ย้ำว่า แม้องค์กรจะลงทุนตามรายได้ของตัวเอง แต่วันนี้หลายองค์กรมีความตื่นตัว และลงทุนโซลูชัน DDI ไม่ต่ำกว่า 10% ของงบประมาณซีเคียวริตี อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้ถือว่ายังน้อย และควรจะต้องมากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้องค์กรเสียหายมากหากเกิดภัยโจมตีไซเบอร์

การสำรวจล่าสุดของ Efficient IP พบว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา กว่า 77% ของบริษัททั่วโลกถูกโจมตีผ่านระบบ DNS แถมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อการโจมตี DNS ยังเพิ่มสูงขึ้นกว่า 57% ค่าเสียหายเฉลี่ยมากกว่า 715,000 เหรียญสหรัฐ

สำหรับตลาดไทย ผู้บริหาร Efficient IP วางกลยุทธ์จะขยายธุรกิจทั้ง 2 ด้าน คือ ทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มลงทุนระบบในวงกว้างไม่เฉพาะตลาดไทย แต่เป็นเทรนด์ครอบคลุมทั่วอาเซียน เบื้องต้นมั่นใจว่า พิษเศรษฐกิจจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ Efficient IP เพราะบริการของ Efficient IP สามารถตอบโจทย์ธุรกิจแม้ในตลาดอาเซียน ที่เน้นพิจารณาราคาเป็นหลัก

“สิ่งที่เราทำ คือ เมื่อลูกค้าลงทุนแล้ว ก็จะให้เห็นทันทีไม่ต้องรอ 3-5 ปี ถึงเห็นผล ลูกค้าจะเห็นว่า โซลูชันนี้แก้ปัญหาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นโซลูชันที่มีประโยชน์”

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ Efficient IP หวังว่าจะเติบโต 30% (รวมตลาดไทย) เกินกว่าภาพรวมตลาดที่เติบโตเฉลี่ย 25% บริษัทมีแผนขยายจากที่มีทีมงานในสิงคโปร์ มาเป็นในปีนี้จะเริ่มต้นว่าจ้างทีมงานไทยทั้งกลุ่มฝ่ายขาย และเทคนิค ทั้งหมดจะสังกัดสำนักงานใหญ่ภูมิภาคที่สิงคโปร์ โดยจะบุกตลาดผ่าน 4 โลคอลพาร์ตเนอร์ไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีรายได้ราว 10-20 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

แผนการลงทุนจริงจังทำให้ Efficient IP บุกตลาดภาครัฐและการศึกษาได้ดีขึ้น โดยทั้ง 3 ตลาดเป็นส่วนหลักที่ Efficient IP ให้ความสำคัญในทุกพื้นที่ทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีบริษัทค้าปลีก บริษัทยา และทุกองค์กรที่สามารถใช้ประโยชน์จากระบบจัดการ DNS ได้

ลูกค้าหลักของ Efficient IP คือ กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ไม่เพียงทีโอที หรือเอไอเอส ของไทย ลาวเทเลคอม สิงเทล รวมถึงบริษัทเทลโครายใหญ่ทั่วโลก ล้วนเป็นลูกค้าของ Efficient IP จุดนี้บริษัทเชื่อว่า สัดส่วนรายได้ 60-65% ที่มาจากลูกค้ากลุ่มเทลโค จะยังมีสัดส่วนใหญ่เช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลงในปีนี้ เนื่องจากบริษัทเทลโคในอาเซียน มีจำนวนมาก

“ไทยมีลักษณะเหมือนอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพราะมีบริษัทเทลโคหลายราย ขณะเดียวกัน ก็มีบริการไอพีทีวี อย่างไรก็ตาม ปีนี้ Efficient IP เชื่อว่า กลุ่มธนาคาร และสถาบันการเงิน จะเป็นลูกค้ารายใหญ่มาแรงที่ลงทุนระบบไซเบอร์ซีเคียวริตีสูงเป็นพิเศษ”

รายได้ 35% ของ Efficient IP เป็นกลุ่มภาคการศึกษา ธนาคาร และภาครัฐ จุดนี้ผู้บริหารเชื่อว่า ธุรกิจโซลูชัน DNS จะเติบโตบนปัจจัยเสริม เช่น เรื่องกฎหมาย ที่ส่งเสริมให้บริษัทลงทุนเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลผู้บริโภค จนเป็นแนวโน้มเห็นชัดในยุโรป และที่เอเชีย ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน Efficient IP ระบุว่า ตัวเองมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ แต่เป็นอันดับ 3-4 ในตลาดลูกค้ารายเก่า จุดนี้บริษัทระบุว่าตั้งเป้าขยับขึ้นเป็นอันดับ 1 ให้ได้ในปี 2022 โดยจะเน้นจุดแข็งเรื่องเทคโนโลยีของ Efficient IP ที่ต่างจากสินค้าของคู่แข่ง 2 ประเด็น

“หนึ่ง คือ เรามีเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร เรามีเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถรองรับทราฟฟิก 17 ล้านคิวรีต่อวินาที ใครที่ถูกโจมตี DNS ก็จะช่วยได้ ซึ่งแบรนด์อื่นทำได้ 3 ล้านคิวรีเท่านั้น ทำให้เสี่ยงระบบล่มจนแฮกเกอร์เข้ามาขโมยข้อมูลได้สำเร็จ จุดที่สอง คือ เรามีเทคโนโลยีตรวจสอบต้นทางทราฟฟิกว่ามาจากไหน ทำให้รู้ได้เบื้องต้นว่าเป็นทราฟฟิกจากลูกค้าจริง หรือหลอก ทำให้ต่างจากรายอื่น”

Efficient IP ยังเป็นพันมิตรกับยักษ์ใหญ่อย่างซิสโก้ (Cisco) ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งทั้งคู่จะร่วมกันบุกตลาดไทย และภูมิภาคอื่น ผ่านโลคอลพาร์ตเนอร์ ซึ่งทำให้ Efficient IP มองว่า ตลาดไทย และโลก ในปี 2019 จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับบริษัททุกแง่มุม.


กำลังโหลดความคิดเห็น