ทนพิษสตรีมมิงวิดีโอไม่ไหว ในที่สุด Samsung ก็ประกาศปิดฉากหยุดจำหน่ายเครื่องเล่นบลูเรย์ (Blu-ray) ในตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ หลังจากเข้าเกียร์ว่าง ไม่เปิดตัวหรือโชว์เครื่องเล่นใหม่ในงานใหญ่อย่าง CES ช่วงต้นปีหรือเวทีอื่น
จากแถลงการณ์ของ Samsung ผ่านสื่ออย่างฟอร์บส์ (Forbes) และซีเน็ต (CNET) เจ้าพ่อกิมจิ ระบุว่าจะยุติการทำตลาดสินค้ากลุ่ม Blu-ray ในสหรัฐอเมริกา โดยจะไม่เปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray รุ่นใหม่ในตลาดลุงแซมอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ Samsung จะไม่ได้ให้เหตุผลชัดเจนสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่แหล่งข่าวของ Forbes ย้ำว่า Samsung ตัดสินใจทิ้งรุ่นใหม่ไฮเอนด์ที่ควรจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 62 ไป ทำให้มีการฟันธงว่า Samsung พิจารณาจากหลายปัจจัยที่เป็นไปได้ จนทำให้ตัดสินใจเช่นนี้ในที่สุด
สิ่งที่ Samsung จะทำต่อไป คือ การแข่งขันในตลาดนิชเฉพาะทาง จุดนี้เห็นได้ชัด เพราะยอดขายแผ่นดิสก์ Blu-ray 4K ยังคงเติบโตรวดเร็วต่อเนื่องแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่กำลังหดตัว จุดนี้ข้อมูลชี้ว่า ยอดขายแผ่นดิสก์ทั่วโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 61 นั้นลดลง 11.5%
สหรัฐอเมริกายังถูกมองเป็นพื้นที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมแผ่น Blu-ray เพราะแม้จะมีหลายแบรนด์ที่ม้วนเสื่อออกไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ Samsung ร้อนแรงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเครื่องเล่นของ Samsung ไม่รองรับระบบ Dolby Vision (รองรับเพียง HDR10 และ HDR10 +) ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสาวกผู้ที่ชื่นชอบโฮมเธียเตอร์แต่ไม่มีทีวี HDR10 หรือกลุ่มที่ชอบระบบ Dolby เท่านั้น
สาเหตุสำคัญของการปิดฉากธุรกิจเครื่องเล่น Blu-ray ในสหรัฐฯ ของ Samsung ยังอยู่ที่ความนิยมของบริการสตรีมมิงวิดีโอ เพราะแม้หลายคนจะพูดว่าคุณภาพของ Blu-ray สูงกว่าเมื่อเทียบกับบริการสตรีมมิง แต่วันนี้ผู้ชมจำนวนมากเลือกสมัครสมาชิกเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) หรืออะเมซอน (Amazon) มากกว่าจะควักเงินซื้อภาพยนตร์ในรูปแผ่นซีดี
สมาคมผู้ประกอบการสื่อบันเทิงหรือ Digital Entertainment Group ของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดอุปกรณ์ Blu-ray 4K สหรัฐฯ มีจำนวนราว 2.3 ล้านเครื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2018 แต่ตัวเลขนี้รวมอุปกรณ์เกมคอนโซลที่ผู้ใช้อาจไม่ได้หยิบมาเล่นแผ่นภาพยนตร์ เทียบไม่ได้เลยกับ Netflix ที่มีสมาชิกมากกว่า 148 ล้านคนทั่วโลก จุดนี้อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Samsung หมดหวังกับธุรกิจ Blu-ray ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดินแดนที่ทีวีส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงบริการซื้อและเช่าภาพยนตร์ได้สะดวกจากบริการอย่าง iTunes
