“จูกซ์” (JOOX) บริการสตรีมมิงเพลงในเครือเทนเซ็นต์ (Tencent) เปิดเผย 3 พื้นที่หลักที่บริษัทจะให้ความสำคัญในการลงทุนมากที่สุดในตลาดไทยช่วงปี 2019 หนึ่งในนั้น คือ การบุกตลาดนอกกรุงเทพฯ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ JOOX มีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านรายในปีนี้ เครื่องมือหลักที่จะใช้ คือ การเสริมแกร่งระบบสตรีมมิงเพลงผ่านเว็บไซต์ และการหาศิลปินหน้าใหม่ รวมถึงการทำให้ “เพลงลูกทุ่ง” เจาะตลาดแมสได้สำเร็จ เพื่อเปิดพรมแดนอุตสาหกรรมเพลงแบบที่คู่แข่งทำไม่ได้
นายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร JOOX ประเทศไทย เปิดเผยแผนการลงทุนสำหรับ JOOX ประเทศไทยในปี 2019 ว่าจะไป 3 ส่วนหลัก คือ การบุกตลาดนอกกรุงเทพมหานคร การเสริมแกร่งฟีเจอร์คาราโอเกะ และการบำรุงรักษาระบบสตรีมมิงให้ทำงานลื่นไหลที่สุด เพื่อรองรับยอดฟังเพลงสตรีมมิงที่เชื่อว่าจะสูงกว่า 3 พันล้านครั้ง ซึ่งเป็นสถิติปี 2018 ที่ JOOX ประเทศไทยมีอายุครบรอบ 3 ขวบ
“จากพฤติกรรมการฟังเพลงปี 2018 เราเห็นความนิยมในเพลง HipHop ซึ่งเราพยายามหนุนมาก่อน ปีนี้เราจะหันมาทำเพลงลูกทุ่งให้คน กทม. ฟังเพลงลูกทุ่งมากขึ้น อาจจะมีการ tie-in นำลูกทุ่งมาผนวกกับคาราโอเกะในปีนี้”
1 ใน 3 สิ่งหลักที่ JOOX ต้องการทำในปีนี้ คือ การบุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ผู้บริหารอธิบายว่า คนกลุ่มนี้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่อาจไม่ใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา จุดนี้แม้ JOOX จะมี “สนุกดอทคอม” แต่ผู้ใช้หลายรายไม่ทราบว่าสามารถใช้เป็นช่องทางฟังเพลงได้ ปีนี้บริษัทจึงจะมุ่งมั่นสร้างเว็บไซต์ JOOX.com เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการฟัง JOOX ผ่านพีซี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงการทำโครงการระหว่างศิลปินต่างค่าย และต่างชาติ เพื่อสร้างเพลงเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมีให้บริการบน JOOX ก่อนบริการอื่น โดยปีนี้ JOOX จะชูเพลงลูกทุ่ง ซึ่ง JOOX มองว่าเป็นศิลปะที่คนไทยภูมิใจ มีแผนจะเอาเข้ามาทำโครงการร่วมกับศิลปินเมนสตรีมมากขึ้น
ปัจจุบัน JOOX มีฐานผู้ใช้ราว 10 ล้านคนในประเทศไทย 42% ของผู้ใช้มีอายุ 18-24 ปี และ 55% อยู่ในเขต กทม. จุดนี้ JOOX หวังให้การขยายฐานผู้ใช้ในพื้นที่อื่นนอก กทม. นั้น เป็นตัวช่วยดันฐานผู้ใช้รวมให้เพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านรายในปีนี้
นอกจากการขยายฐานผู้ใช้ ส่วนที่ 2 ที่ผู้บริหาร JOOX มองว่าจะผลักดันเต็มที่ในปี 2019 คือ ฟีเจอร์คาราโอเกะ ซึ่งได้รับความนิยมจนมียอดการร้องสูงเกิน 5 ล้านครั้งในปี 2018 และมีการแชร์เพลงที่ร้องแบบคาราโอเกะออกไปมากกว่า 2.6 ล้านครั้ง จุดนี้การสำรวจพบว่า กลุ่มคนร้องคาราโอเกะผ่านระบบสตรีมมิง วันนี้มีจำนวนมากกว่า 62% ทำให้ JOOX มองเห็นโอกาสเติบโตของตลาด ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ JOOX มองหาศิลปินใหม่ และสร้างคอมมูนิตี เพื่อต่อยอดได้อีก
ส่วนที่ 3 ที่ JOOX จะลงทุนเต็มที่ในปีนี้ คือ การพัฒนาระบบให้ดีที่สุด โดยจะออกแบบและพัฒนาให้ระบบทำงานดีขึ้น ลื่นไหลกว่าเดิม
“ส่วนใหญ่ของผู้ใช้เรายังเป็นสมาชิกฟังเพลงฟรี กลุ่ม VIP มีไม่ถึง 10% เพราะฐานผู้ใช้เราใหญ่มาก แต่เราก็พอใจมาก เพราะรายได้ 50% ของ JOOX ประเทศไทย มาจากสมาชิก VIP ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไกลเคียงกับ JOOX ในตลาดหลักอย่างฮ่องกง”
คำว่า “ฐานผู้ใช้ JOOX ใหญ่มาก” นั้น ผู้บริหารอธิบายเพิ่มว่า JOOX ได้ทำการสำรวจทางเฟซบุ๊ก โดยไม่จำกัดกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ชาวไทยในกลุ่มตัวอย่างใช้งาน JOOX มากกว่าคู่แข่งอย่างสปอติฟาย (Spotify) และแอปเปิลมิวสิก (AppleMusic) โดย 72% เลือก JOOX เป็นแอปพลิเคชันแรกที่เลือกเมื่อต้องการฟังเพลง จุดนี้ Spotify ได้รับคะแนนรองลงมา 25% และ AppleMusic ทำได้ 11%
ความสำเร็จของ JOOX ในปี 2018 จึงเห็นชัดผ่านยอดฟังเพลงสตรีมมิงเกิน 3 พันล้านครั้ง คิดเป็นสัดส่วนเติบโต 50% เมื่อเทียบจากปี 2017 โดยคนไทยนิยมฟังเพลงไทยสูงสุด 89.47% รองลงมาเป็นเพลงสากล และเพลงอาเซียน สถิติชี้ว่า 6 แนวเพลงที่นิยมฟังมากที่สุด คือ ป็อป (Pop), ร็อก (Rock), ฮิปฮอป (HipHop), ลูกทุ่ง, อินดี และเกาหลี ตามลำดับ จุดนี้ JOOX การันตีว่าเป็นค่ายที่มีเพลงไทย ให้บริการมากที่สุด ซึ่งผู้ใช้นิยมฟังผ่านสมาร์ทโฟน 93%
การเติบโตของ JOOX เป็นไปตามภาพรวมตลาดสตรีมมิงเพลงทั่วโลกปี 2017-2018 ที่เติบโตขึ้น 41.1% จากรายได้รวมทั้งหมด 17,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริการสตรีมมิงเพลงครองส่วนแบ่งใหญ่ที่สุด 38% แซงการขายแผ่นเสียง หรือแผ่นซีดีและเทป ที่มีสัดส่วน 30% ของรายได้รวมค่ายเพลง โดยการจำหน่ายสื่อบันทึกเสียงเหล่านี้ลดลง 5%
สำหรับประเทศไทย ผู้บริหาร JOOX ย้ำว่า รายได้ปีที่ผ่านมาของ JOOX นั้น เติบโต 100% บนฐานที่ไม่ใหญ่นัก แผนการเพิ่มรายได้ในปีนี้ คือ การริเริ่มโมเดลที่เปิดให้คอเพลงมีโอกาสสนับสนุนศิลปินในรูปแบบการซื้อเหรียญ (คอยน์) เพื่อเป็นกำลังใจส่งถึงศิลปินที่ชื่นชอบ และการเพิ่มเนื้อหากลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟ ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งศิลปินหน้าใหม่ และการทำโครงการพิเศษแบบข้ามค่ายเพลง ซึ่งที่ผ่านมา JOOX สามารถดึงเพลงใหม่มาให้บริการก่อนใครกว่า 60 เพลงต่อปี โดยทั้ง 60 เพลงนี้ JOOX เป็นผู้สนับสนุนทุนในการผลิตเพลง มิวสิกวิดีโอ รวมถึงองค์ประกอบอื่น ซึ่งบริษัทจะลงทุนเมื่อเห็นโอกาสโปรโมตศิลปินหน้าใหม่
ตัวอย่างโครงการพิเศษที่ JOOX เริ่มต้นได้น่าสนใจ คือ Shake the World มีการนำศิลปินดังของไทยมาร่วมกับศิลปินดังของพม่า เพื่อผลิตเพลงเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งใช้งบประมาณราว 5 ล้านบาท ทำให้เกิดเป็นเพลงใหม่ 5 เพลง 10 เวอร์ชัน ซึ่งจะมีเพลงเวอร์ชันคาราโอเกะให้บริการแบบพ่วงครบวงจร โครงการนี้จะเริ่มจุดพลุในไม่กี่เดือนนับจากนี้
โครงการนี้จะตอบโจทย์บริการ JOOX ที่เริ่มบุกตลาดพม่า ตั้งแต่ปี 2018 จุดนี้ JOOX มองว่า พม่า เป็นตลาดที่มีประชากรมากกว่า 50 ล้านราย และเป็นตลาดที่ตอบรับสิ่งใหม่ได้รวดเร็ว ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายบริการไปยังประเทศอื่น โดยตลาดที่อยู่ภายใต้การดูแลของ JOOX ประเทศไทย คือ ไทย พม่า และอินโดนีเซีย ที่มีผู้ใช้ราว 10 ล้านรายเท่ากับประเทศไทย.