ไลน์ (LINE) โชว์ความสำเร็จธุรกิจขายสติกเกอร์เติบโตแข็งแกร่งในตลาดไทย เผย 3 แนวทางหลักเร่งเครื่องทำตลาดแบบรุกหนักกว่าเดิม เพื่อให้ธุรกิจขยายตัวขึ้นอีก ระบุเห็นโอกาสเติบโต เพราะฐานผู้ใช้สติกเกอร์ไทยโตแซงแชมป์เก่าอย่างญี่ปุ่น และไต้หวัน แต่เม็ดเงินยังเป็นรอง 2 ตลาดนี้ ขีดเส้นปี 62 เน้นต่อยอดธุรกิจขาย “ธีม” หลังจากดีเดย์ปีที่แล้วจนยอดขายถล่มทลาย แย้มมีแผนคลอดสติกเกอร์รูปแบบใหม่ ซึ่งมั่นใจว่าจะโกยรายได้โตกระฉูด
นายกณพ ศุภมานพ ผู้อำนวยการธุรกิจสติกเกอร์ LINE ประเทศไทย กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจสติกเกอร์ หรือภาพตัวการ์ตูนน่ารักที่ผู้ใช้แอปพลิเคชันแชตอย่าง “LINE” สามารถส่งถึงกัน เพื่อสื่ออารมณ์หลากหลาย ว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา ธุรกิจไลน์สติกเกอร์ในไทยมีการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักในภูมิภาคทั้งญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย สถิติพบว่า ยอดดาวน์โหลดไลน์สติกเกอร์ในไทยเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งหากมองตลอดทั้งปี 2561 คนไทยนิยมส่งสติกเกอร์ถึงกันจนยอดส่งพุ่งเกิน 1 หมื่นล้านครั้ง หรือเฉลี่ยวันละ 31 ล้านครั้ง
“31 ล้านครั้งต่อวันเป็นสถิติการส่งสติกเกอร์ที่มีการซื้อขาย ไม่นับรวมสติกเกอร์ฟรี และการส่งสติกเกอร์ในกลุ่มที่มีผู้รับหลายคน จะนับจากการส่งที่ต้นทางโดยรวมเป็น 1 ครั้ง” กณพ ระบุ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การซื้อสติกเกอร์ไลน์ขยายตัว คือ การทำโครงการส่งเสริมครีเอเตอร์ประชาชนทั่วไปให้มีโอกาสออกแบบสติกเกอร์ เพื่อจำหน่ายได้ง่ายขึ้นในราคาที่ต่ำกว่า ปัจจุบัน ครีเอเตอร์กลุ่มนี้กำลังเพิ่มจำนวนชัดเจนในธุรกิจไลน์สติกเกอร์ เนื่องจากปีที่ผ่านมา ตลาดครีเอเตอร์สติกเกอร์เติบโตกว่า 40% จนทำให้สัดส่วนครีเอเตอร์ทั่วไปคิดเป็น 50% ของทั้งหมด อีก 50% ที่เหลือเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ ค่ายเพลง หรือศิลปินดารา ซึ่งสร้างสติกเกอร์ขึ้นมาจำหน่ายบนไลน์ (จากเดิม คือ 40% และ 60% ตามลำดับ)
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดสติกเกอร์ไทยยังเกิดขึ้น เพราะไลน์ เดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ เช่น ตู้เติมเงิน ขณะเดียวกัน ก็หมั่นโฆษณาให้ผู้ใช้ Line ทราบช่องทางการซื้อสติกเกอร์ผ่าน LINE STORE ยังมีการทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปี ผลคือการซื้อตอนนี้เพิ่มขึ้น 68% ซึ่งไลน์ยอมรับว่ามีแผนจะต่อยอดให้เข้มข้นขึ้นในปี 62
สติกเกอร์ที่ได้รับความนิยมในปี 2018 หนีไม่พ้นสติกเกอร์ชื่อ ทั้งชื่อผู้ใช้เอง และชื่อเพื่อนฝูงคนรัก สติกเกอร์กลุ่มนี้เริ่มพัฒนาให้หลากหลายเรื่องการเล่นคำ ยังมีสติกเกอร์กลุ่มข้อความสุดกวนสไตล์จีบสาว รวมถึงสติกเกอร์ของศิลปิน ละคร หรือบุคคลมีชื่อเสียง ซึ่งแฟนคลับต้องการสนับสนุนศิลปิน และแสดงความชื่นชอบ ที่น่าสนใจ คือ กลุ่มสติกเกอร์ขนาดใหญ่กว่าปกติ สติกเกอร์กลุ่มนี้เมื่อเห็นแล้วเข้าใจง่าย เช่น สติกเกอร์สวัสดีปีใหม่
ปีนี้จัดทัพโมบายแบงกิ้ง
ผู้บริหารไลน์ ย้ำว่า ความสำเร็จในปี 61 ที่ผ่านมา เป็นผลจากการขยายช่องทางการจำหน่าย และการชำระเงินด้วย ทำให้ปี 62 ไลน์ จึงเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายและชำระเงินให้แพร่หลายขึ้นกว่าเดิม ไฮไลต์ปีนี้ คือ การเริ่มอนุญาตให้ชำระผ่านโมบายแบงกิ้งได้ เชื่อว่าจะทำให้ไลน์เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ไทย ได้มากขึ้นอีก 30% ซึ่งเป็นสัดส่วนการขยายตัวที่มักเกิดขึ้นเมื่อไลน์ เริ่มต้นช่องทางการชำระเงินใหม่
“ตอนนี้ส่วนใหญ่ซื้อสติกเกอร์ผ่านแอป ซึ่ง 80% ซื้อผ่านบัตรเครดิต สัดส่วนนี้แปลว่า ตลาดยังโตได้อีก เพราะจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตในไทยถือว่ายังน้อยราว 10% เท่านั้น” นอกจากนี้ 50% ของผู้ซื้อสติกเกอร์ไลน์ผ่าน LINE STORE จ่ายค่าบริการผ่านเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเริ่มทำงาน การอนุญาตให้ชำระผ่านโมบายแบงกิ้งได้ จะทำให้ไลน์เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ไทยได้มากขึ้นอีก เพราะตัดสินใจซื้อแล้วชำระเงินได้เลยบน LINE STORE
แค่สติกเกอร์อย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอ เพราะไลน์ ย้ำว่า ธีม หรือหน้ากากตกแต่งแอปพลิเคชันไลน์นั้น มียอดจำหน่ายดีมาก โดยเฉพาะธีมลายศิลปิน ซึ่งพบว่า กลุ่มแฟนคลับ 1 ใน 4 มีการซื้อทั้งสติกเกอร์ และธีม ดังนั้น ยอดขายจึงส่งเสริมกันมากขึ้น
นอกจากนี้ การร่วมมือกันระหว่าง 2 ครีเอเตอร์ ผลิตสติกเกอร์พิเศษขึ้นมา ก็สามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น ต้นแบบความสำเร็จนี้ ทำให้ไลน์มีแผนต่อยอดกลยุทธ์นี้ ด้วยการจัดงานที่เชิญครีเอเตอร์ให้มาเจอกันแล้วจับคู่กัน คาดว่าปีนี้จะเห็นความร่วมมือลักษณะนี้อีกมาก
ปัจจุบัน ครีเอเตอร์ไทยบนไลน์มีจำนวน 420,000 คน เติบโต 75% เพราะมีการจัดงานส่งเสริมหลายอย่าง คาดว่า ตัวเลขนี้จะโตขึ้นอีกเมื่อครีเอเตอร์เห็นช่องทางจัดจำหน่ายที่มากขึ้น
อีกการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดในปีนี้ คือ การอนุมัติสติกเกอร์ที่จะเร็วขึ้นมาก จำนวนสติกเกอร์ใหม่สูงราวหลักหมื่นต่อวัน จากเดิมที่ใช้เวลาอนุมัตินานนับเดือน มีการปรับให้เร็วขึ้นเป็น 1 สัปดาห์ จุดนี้ทีมรีวิวยังเป็นทีมญี่ปุ่น ทั้งหมดเช่นเดิม
