บริษัทภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษเปิดตัวเครื่องมือใหม่ที่อาจโดนใจผู้ให้บริการรับชมรายการทีวีออนไลน์รายใหญ่อย่าง “เน็ตฟลิกซ์” (Netflix) เพราะเครื่องมือนี้สามารถตรวจจับลูกค้าที่จับกลุ่มแชร์รหัสผ่านสำหรับชมเนื้อหา ได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดโอกาสสูญเสียรายได้ 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่คาดว่าจะมีผลกับทั้งอุตสาหกรรมในอีก 2 ปี
หาก Netflix เลือกใช้ระบบนี้จริง เชื่อว่าจะมีช่องทางให้สามารถทำรายได้ให้บริษัทมากขึ้นอีก นอกเหนือจากการประกาศขึ้นราคาสมาชิก Netflix ที่มีผลแล้วในสหรัฐอเมริกา
***จับได้คือโอกาส
จากยุคที่สถานีโทรทัศน์สามารถดึงผู้ชมบางส่วนมาจ่ายเงินค่าสมาชิก จนถึงยุคนี้ที่ชาวออนไลน์สามารถซื้อขายรหัสผ่าน เพื่อหารค่าสมาชิกสำหรับชมรายการทีวีบนอุปกรณ์ของตัวเองจากที่ใดก็ได้บนโลก ล่าสุด นักวิเคราะห์มองว่า เวลาปาร์ตี “พาสเวิร์ดแชร์ริง” (password sharing) กำลังจะหมดลงแล้ว เพราะยักษ์ใหญ่รายการทีวีออนไลน์เริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ทำร้ายโปรโมชัน ซึ่งบริษัทตั้งใจนำเสนอ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ค่ายรายการทีวีออนไลน์จะพยายามเสนอโปรโมชันดึงดูดให้คนกลุ่มนี้เปลี่ยนใจมาสมัครด้วยตัวเอง และไม่มีการลงโทษหรือกำหนดสิทธิใดๆ
สำนักข่าววาไรตี (Variety) รายงานผลสำรวจจากบริษัทพาร์กส์แอสโซซิแอทส์ (Parks Associates) ว่า password sharing อาจทำให้อุตสาหกรรมสตรีมมิงสูญรายได้รวมกว่า 9,900 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2021 จุดนี้ทำให้บริษัทภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษชื่อ “ซินามีเดีย” (Synamedia) เปิดตัวระบบตรวจจับ password sharing ในงาน Consumer Electronics Show 2019 ที่เพิ่งจบไป
สิ่งที่ระบบของ Synamedia ทำ คือ การวิเคราะห์ข้อมูลการชม streaming ของผู้ใช้ว่า ใครเข้าข่าย password sharing ระบบจะตรวจจับได้ว่า บัญชีใดที่ถูกใช้งานจากต่างสถานที่กันในเวลาเดียวกัน รวมถึงรูปแบบพฤติกรรมอื่นที่มีความเป็นไปได้ว่าบัญชีนั้น จะมีการแบ่งปันรหัสผ่านร่วมกัน ทั้งหมดนี้จะถูกนับเป็นคะแนน 1 ถึง 10 เพื่อรวมโอกาสที่บัญชีนั้นจะเป็น password sharing
ทั้งหมดนี้ ผู้บริหาร Synamedia ย้ำว่า ข้อมูลจากระบบ A.I. นี้จะสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจสตรีมมิงได้ โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ค่ายสตรีมมิงสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย หรือ target ลูกค้าสำหรับจำหน่ายโปรโมชันพรีเมียมแพกเกจ ซึ่งจะจูงใจให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสชมรายการได้ลื่นไหลมากขึ้น
*** ขึ้นราคาในสหรัฐฯ
ไม่ว่า Netflix จะสนใจระบบตรวจจับ password sharing นี้หรือไม่ ล่าสุด เจ้าพ่อบริการชมรายการทีวีออนไลน์ประกาศว่ากำลังปรับเพิ่มราคาสมาชิกชมรายการทีวีบน Netflix รายเดือน (ปรับราคาสูงสุด 18%) ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องหลังจากการเริ่มขึ้นราคาครั้งแรกในปี 2014
การขึ้นราคาครั้งนี้ได้รับเสียงเชิงบวก โดยเฉพาะนักลงทุนที่เชื่อว่า Netflix จะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นในการลงทุนผลิตเนื้อหา ส่งให้หุ้นของ Netflix เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อประกาศ ท่ามกลางนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่า สมาชิก Netflix จะไม่หนีหายไปไหน
ราคาค่าบริการ Netflix ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2 เหรียญสหรัฐ ตัวอย่างเช่น premium service ที่เปิดให้ชมวิดีโอความละเอียดสูงผ่านอุปกรณ์ 4 ตัวจะมีราคา 15.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 506 บาท) ขณะที่ราคาสมาชิกเริ่มต้น basic subscription สำหรับผู้ชมครั้งแรกราคาขึ้นเป็น 8.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 284 บาท)