xs
xsm
sm
md
lg

การปฏิวัติองค์กรในศตวรรษที่ 21/พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


Kodak เคยยิ่งใหญ่และถึงจุดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2008-2009 และหลังจากนั้นเพียง 4 ปี โกดักถึงจุดจบล้มละลายในปี 2013 และปิดโรงงานไปในปี 2014 โดยสิ้นเชิง

ปรากฏการณ์ Kodak เกิดขึ้นหลังจากมีการเริ่มต้นของ Facebook และ YouTube ในปี 2005 หลังจากนั้น ในปี 2007 สมาร์ทโฟนที่เริ่มถ่ายรูปอย่างมีประสิทธิภาพก็เริ่มเกิดขึ้น และมีการขยายโครงข่าย 4G ทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2010 จน Kodak ล่มสลายอย่างสมบูรณ์แบบในปี 2014 และในวันนี้อุตสาหกรรมเพลง ภาพยนตร์ และบันเทิง ได้เปลี่ยนจากการเก็บคอนเทนต์ในกายภาพมาสู่รูปแบบดิจิทัล และสตรีมมิ่ง (streaming) เกือบทั้งหมดแล้ว

5G Americas ได้ทำการศึกษาและคาดการณ์แนวโน้มของ 5G ว่าในช่วงเริ่มแรกที่เปิดให้บริการ อาจยังมีการเชื่อมต่อทั่วโลกไม่ถึง 1 ล้านการเชื่อมต่อ แต่ภายในปี 2020 จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยสามารถเติบโตได้ถึง 37 ล้านการเชื่อมต่อ และจะเติบโตขึ้นประมาณ 4 เท่า เป็น 156 ล้านการเชื่อมต่อในปี 2021 ซึ่งภายในปี 2022 การเชื่อมต่อ 5G จะเกิน 500 ล้านการเชื่อมต่อ และมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2023 การเชื่อมต่อ 5G ทั่วโลกจะมากถึง 1,300 ล้านการเชื่อมต่อ ซึ่งสอดคล้องกับ Ericsson ที่คาดการณ์ว่า ภายในปี 2024 จะมีการเชื่อมต่อ 5G มากถึง 1,500 ล้านการเชื่อมต่อ หรือประมาณ 17% ของการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายทั้งหมด

GSMA คาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 ทั่วโลกจะมีเครือข่าย 5G ครอบคลุม 1 ใน 3 ของประชากรโลก โดยจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มากถึง 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2025 และสามารถสร้างตำแหน่งงานได้มากกว่า 17.3 ล้านตำแหน่งงาน

จากการศึกษา Ericsson คาดว่า ประเทศไทยจะมีจำนวนการลงทะเบียนใช้งาน LTE/5G เพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงปี 2017-2023 โดยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% ในปี 2023 ซึ่งประมาณการว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีอัตราเพิ่มขึ้น 22% ดังนั้น ผู้ประกอบการในประเทศไทย และรัฐบาล ควรมีการเตรียมพร้อมในการรับมือกับ 5G เพื่อผลประโยชน์ของประเทศในทุกมิติ

ในวันนี้ สถิติการใช้ Facebook ของคนทั่วโลกที่ใช้งานอยู่มีถึงกว่า 2 พันล้านคน, YouTube มีผู้ลงทะเบียนถึง 1.8 พันล้านคน, Instagram มีผู้ใช้ 1 พันล้านคน และ LINE มีผู้ลงทะเบียนถึง 600 ล้านคน ซึ่ง GlobalWebIndex ได้เปิดเผยผลการวิเคราะห์ในรายงาน Social video report ว่า วิดีโอในโซเชียลมีเดีย (social video) จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมเพลงและบันเทิงอย่างมาก รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของการชอปปิ้งออนไลน์ และการรับชมกีฬาผ่านสตรีมมิ่งวิดีโอบนโซเชียลมีเดีย ก็จะเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีแนวโน้มจะแซงหน้าการถ่ายทอดกีฬาบนโทรทัศน์แบบดั้งเดิม

Goldman Sachs ได้คาดการณ์ว่า เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) จะขยายตัว และแซงหน้า TV ได้ภายในปี 2025 และสร้างรายได้ต่อปีมากกว่า TV โดยมีการวิเคราะห์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ตลาด VR จะสามารถสร้างรายได้ได้มากถึง 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมื่อเทียบกับ TV ที่สามารถสร้างรายได้ได้เพียง 9.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

จำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนกลายเป็นผลกระทบต่ออุตสาหกรรม TV แบบดั้งเดิม จนทำให้ TV แห่งอนาคตจะเป็น TV ที่มีรูปแบบ “Anytime, Anywhere, Any Device” และวิดิโอจะเป็นคอนเทนต์ที่วิ่งอยู่บนอินเทอร์เน็ตมากกว่าครึ่งของคอนเทนต์ทั้งหมด และ eSports จะเป็นหนึ่งใน traffic ที่ทำให้ตลาดวิดิโอสตรีมมิ่งโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และ Futuretimeline ได้พยากรณ์ว่า โทรทัศน์ทั้งหมดจะอยู่บนอินเทอร์เน็ตภายในปี 2025 หรือเรียกว่า “Internet TV”

สำนักวิจัย International Data Corporation (IDC) คาดว่ามีข้อมูลเกิดขึ้นถึง 44 ล้านล้านกิกะไบท์ ในปี 2020 ซึ่งการเปลี่ยนเป็นดิจิทัล ได้พลิกโฉมธุรกิจต่างๆ ในหลายๆ ด้าน เช่น สื่อ ค้าปลีก สิ่งพิมพ์ และโฆษณา อีกทั้งยังทำให้รูปแบบธุรกิจบางอย่างล้าสมัย อย่างไรก็ตาม ได้มีการแพร่กระจายไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น รถยนต์ การเงิน ประกัน และการดูแลสุขภาพ อีกด้วย

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital transformation) ของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารทำให้แรงงานรูปแบบดั้งเดิมได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งจะมีการลดตำแหน่งงานแบบดั้งเดิมในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารอย่างมาก แต่กลับต้องการแรงงานในสาขาวิเคราะห์ข้อมูล อย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data scientists) ซึ่งหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน จึงถึงเวลาที่อุตสาหกรรมการเงินการธนาคารต้องปฏิวัติองค์กร และจะต้องเตรียมการด้านทักษะแรงงานใหม่ ด้วยการพัฒนาแรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งแสวงหาแรงงานใหม่เพื่ออนาคต

จากผลการศึกษาวิจัยของ Johnson Controls ในหัวข้อ Smart Workplace 2040: The Rise of the Workspace Consumer พบว่า ภายในปี 2040 บ้านหรือที่พักอาศัยจะกลายเป็นสถานที่ในการเรียนและการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม เช่น VR และ AR จะทำให้มวลมนุษยชาติทำงานและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และเวลาใดก็ตาม เนื่องจากการทำลายกำแพงของเวลาและช่องว่างระหว่างกัน ด้วยการเชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วโลกจะทำให้ระยะทาง และเวลา ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป จึงทำให้เกิดการจ้างงานแบบทำงานที่ใดก็ได้ ด้วยเวลาที่ยืดหยุ่น และกำลังจะทำให้การจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าด้วยอัตราเร่ง จึงทำให้รูปแบบการทำงาน และอาชีพต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบการศึกษาในปัจจุบันกำลังถูกท้าทาย ซึ่งสิ่งที่ทำให้ประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนรู้ออนไลน์ของคนยุค Millennial แตกต่างจากคนยุค Baby Boomer หรือ Gen X ซึ่งจากการสำรวจของ Northeastern University ในสหรัฐอเมริกา พบว่า กลุ่มคนยุค Millennials มากกว่าครึ่ง มีการเรียนรู้ผ่านหลักสูตรออนไลน์ ในทุกกลุ่มอายุ และพบว่า กลุ่มผู้ใช้งานส่วนใหญ่ คือ คนยุค Millennials ที่มีอายุในช่วง 18-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มประชากร ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุด และคาดว่า การเรียนผ่านระบบออนไลน์จะแพร่หลายไปทั่วโลก

วิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำของผู้บริหารระดับสูงในยุคต่อไปจะถูกพลิกผัน (disruption) และเปลี่ยนไปอย่างมาก และจะทำให้นิยามของคำว่า “ความเป็นผู้นำ” หรือ “leadership” โดยคุณลักษณะของความเป็นผู้นำสำหรับโลกอนาคต คือ ความสามารถในการเชื่อมโยงผู้คน ทำให้พวกเขาได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกันโดยไม่ยึดติดกับสถานที่ และเวลา อย่างไรก็ตาม หากผู้นำและผู้บริหารยังยึดติดอยู่กับการสื่อสารแบบ face-to-face และการร่วมมือกันที่จะต้องขึ้นอยู่กับสถานที่ และเวลา ก็จะทำให้องค์กรไม่สามารถยืนอยู่ได้ในโลกแห่งการแข่งขันที่มีรูปแบบที่เปลี่ยนไป ดังนั้น การปฏิวัติองค์กรในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น