กสทช.เตรียมนำเรื่องขอทดสอบระบบ 5G เอไอเอส-ทรู เข้าที่ประชุม 22 พ.ย.นี้ ส่วนดีแทคต้องรอก่อน เหตุทำเอกสารเข้ามาขอไม่ทัน แย้มหากการทดสอบราบรื่นจะเปิดทางให้โอเปอเรเตอร์ทุกรายทดสอบร่วมกันกับ กสทช. ส่วนการทำงานร่วมกับกระทรวงดีอี ก็พร้อมให้การสนับสนุน ชี้การทำงานกระจายหลายภาคส่วนช่วยกระตุ้นกระแส 5G ให้ประชาชนรับทราบ ก่อนประกาศยุค 5G ในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนแนวทางการประมูลยังคงชูแนวคิดประมูลคลื่น 700 MHz พ่วง 26 GHz หรืออาจเปิดประมูลรายย่อย เพื่อให้ภาคธุรกิจเข้ามาประมูลใช้เฉพาะพื้นที่
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ในวันที่ 22 พ.ย. สำนักงาน กสทช. จะนำเรื่องการขออนุญาตทดสอบระบบ 5G ของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. เพื่อให้ผู้ให้บริการทั้ง 2 ราย เริ่มทดสอบระบบ 5G ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.-15 ธ.ค.2561 โดยเอไอเอส จะทดสอบระบบร่วมกับ บริษัท โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม ขณะที่ทรู จะทดสอบระบบร่วมกับ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จํากัด ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ ส่วนดีแทค ทำเอกสารขออนุญาตไม่ทันการประชุมครั้งนี้ คงต้องรอหลังจากผู้ให้บริการ 2 ราย ทดสอบระบบไปก่อน
ทั้งนี้ การทดสอบ 5G ดังกล่าวอยู่ในช่วงคลื่น 26 GHz ที่ว่างอยู่ จำนวน 200 MHz หากมีการทดสอบในระยะเวลาดังกล่าว และไม่เพียงพอ ผู้ให้บริการก็สามารถทำหนังสือขอขยายระยะเวลาได้ และหลังจากการทดสอบระบบเสร็จในวันที่ 15 ธ.ค. กสทช. อาจจะเชิญผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย นำระบบและอุปกรณ์มาทดสอบที่ กสทช. ส่วนการทดสอบร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี ในพื้นที่ศูนย์ดิจิทัล พาร์ค อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นั้น กสทช. ก็พร้อมจะสนับสนุน เพราะ กสทช. ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่กระทรวงแต่งตั้งขึ้นในการทำงานทดสอบ 5G ร่วมกัน โดยกระทรวงดีอี จะใช้คลื่นในย่าน 26-28 GHz
“กสทช. เห็นว่า การทำงานพร้อมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ เอกชน กสทช. และดีอี เป็นสิ่งที่ดี แม้ว่าเราได้กำหนดให้เกิด 5G อีก 2 ปีก็ตาม เพราะการร่วมมือกันในการทดสอบระบบ 5G นั้น จะช่วยสร้างการรับรู้ และก่อให้เกิดกระแสให้แก่ประชาชนว่า ประเทศไทยพร้อมกับการไปสู่ 5G”
นายฐากร กล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางในการประมูลคลื่นนั้น แม้ว่าผู้ประกอบการจะต้องการใช้คลื่นฟรีก็ตาม แต่ กสทช. ก็ยังคงมีแนวคิดว่าประเทศไทยต้องมีการประมูล แต่อาจจะประมูลคลื่น 700 MHz พ่วงกับคลื่น 26 GHz หรืออาจจะจัดประมูลเฉพาะกลุ่มรายย่อยให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการระบบ 5G ไปใช้ในธุรกิจเฉพาะพื้นที่ เนื่องจากภาคธุรกิจมีความต้องการใช้งาน แต่หากรอผู้ให้บริการประมูล และเปิดให้บริการก็อาจจะล่าช้า
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค 5G โดยจากการศึกษาจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยสำนักงาน กสทช. ตั้งแต่ปี 2553 พบว่ามีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 71.7 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นการใช้งานในระบบ 2G ทั้งหมด ปี 2554 มีผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 77.4 ล้านเลขหมาย เป็นผู้ใช้งานในระบบ 2G จำนวน 76.4 ล้านเลขหมาย และเริ่มมีผู้ใช้งานระบบ 3G จำนวน 1 ล้านเลขหมาย ปี 2555 เป็นปีที่มีการประมูลคลื่นเพื่อใช้ในระบบ 3G ส่งผลให้มีผู้ใช้งาน 3G เพิ่มขึ้นเป็น 3.7 ล้านเลขหมาย จากจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด 82.9 ล้านเลขหมาย
ปี 2556 ผู้ใช้บริการ 3G เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 28.7 ล้านเลขหมาย ปี 2557 ผู้ใช้งาน 3G กระโดดเป็น 88 ล้านเลขหมาย ปี 2558 มีการประมูลคลื่นเพื่อใช้ในระบบ 4G ส่งผลให้ปี 2559 มีผู้ใช้งานระบบ 3G และ 4G รวมกันถึง 111 ล้านเลขหมาย และในปี 2560 จำนวนผู้ใช้งาน 3G และ 4G เพิ่มขึ้นเป็น 119 ล้านเลขหมาย สำหรับการก้าวสู่ยุค 5G ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศอีกครั้ง ซึ่งคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ต้องใช้ระยะเวลาอีก 5-10 ปี จากการเริ่มใช้งานระบบในประเทศ
***ดีแทค ชำระค่าประมูล 1800 MHz งวดแรก 6,693.385 ล้านบาท
นายฐากร กล่าวว่า วันนี้ (19 พ.ย.2561) บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) ผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz ช่วงความถี่ 1745-1750 MHz คู่กับ 1840-1845 MHz ในราคาประมูลสูงสุด 12,511 ล้านบาท ได้นำเงินค่าประมูลงวดที่ 1 มาชำระเพิ่มอีก 4,193.385 ล้านบาท ซึ่งรวมกับที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้วางหลักประกันไว้ 2,500 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าประมูลงวดที่ 1 ที่ชำระรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,693.385 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) มามอบให้สำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของการประมูล
โดยเงินค่าประมูลดังกล่าว เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการจัดการประมูลแล้ว สำนักงาน กสทช. จะรีบนำส่งกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป โดยการชำระเงินค่าประมูลจะแบ่งออกเป็น 3 งวด งวดแรกชำระ 50% ของราคาที่ชนะการประมูล งวดที่ 2 ชำระ 25% และงวดที่ 3 ชำระอีก 25%
ทั้งนี้ เมื่อ DTN นำเงินค่าประมูลงวดที่ 1 มาชำระ พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามขั้นตอนก่อนรับใบอนุญาต และการเปิดให้บริการบนคลื่นความถี่ดังกล่าว ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1745-1785/1835-1880 MHz แล้ว กสทช. จะออกใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และเพิ่มการอนุญาตบริการในใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 3 ของบริษัท
โดยให้มีผลนับแต่วันที่ 16 ธ.ค.2561 หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาเยียวยา ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 15 ธ.ค.2561 ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง และใบอนุญาตดังกล่าวจะสิ้นสุดระยะเวลาการอนุญาตในวันที่ 15 ก.ย.2576 พร้อมกับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ที่ได้มีการจัดการประมูลไปก่อนหน้านี้ เพื่อให้คลื่นความถี่ย่านนี้คืนกลับมาที่ กสทช. เพื่อนำมาจัดสรรใหม่ด้วยการประมูลพร้อมกัน
ด้าน นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทค จะนำคลื่น 1800 MHz ที่ชนะจากการประมูลมาให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกมีแผนจะนำคลื่น 1800 MHz มาให้บริการรองรับลูกค้า 2G ที่ยังมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก และวางแผนจะนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายบริการ 4G ตอบสนองการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เติบโตอย่างรวดเร็วต่อไป
ขณะนี้ ดีแทค สามารถให้บริการครอบคลุมทุกย่านความถี่บนคลื่นทั้งหมดจำนวน 110 MHz โดยแบ่งเป็นคลื่น 900 MHz จำนวน 10 MHz คลื่น 1800 MHz จำนวน 10 MHz คลื่น 2100 MHz จำนวน 30 MHz และคลื่น 2300 MHz จำนวน 60 MHz ของทีโอที ที่ดีแทค เป็นพันธมิตรในการให้บริการ
“ที่ผ่านมา ดีแทค ได้นำส่งเงินค่าใบอนุญาตคลื่น 2100 MHz ที่ประมูลในปี พ.ศ.2555 จำนวน 13,500 ล้านบาท ครบถ้วนตามกำหนดเรียบร้อย และนอกจากค่าใบอนุญาตคลื่น 1800 MHz จำนวน 12,511 ล้านบาทที่ดีแทคมาชำระงวดแรก จำนวน 6,693.385 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ดีแทค จะนำเงินมาชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ที่ประมูลล่าสุดมูลค่า 38,064 ล้านบาท โดยดีแทค จะชำระงวดแรก จำนวน 4,020 ล้านบาท แก่ กสทช. เป็นลำดับต่อไปตามข้อกำหนดในการประมูล”
