จองเที่ยงพักได้เลยสำหรับ “วันไนท์” (One Night) แอปพลิเคชันจองโรงแรมวันเดียวกับการเข้าพัก ขยายตลาดจากสหรัฐฯ และอังกฤษ มาขึ้นบกที่กรุงเทพมหานครก่อนเมืองใดในเอเชีย โชว์จุดขายโรงแรมยอดเยี่ยมกว่าบนราคาที่ดีกว่าแอปพลิเคชันจองโรงแรมอื่น 25-40% มองโอกาสทองจากพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่แห่จองโรงแรมในนาทีสุดท้ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาด 1 ปีโกยยอดดาวน์โหลดทะลุ 100,000 ครั้ง เป้าหมายคือ อัตราใช้งานจริง 20% ของคนที่ดาวน์โหลด หรือประมาณ 20,000 ราย
จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One Night ให้สัมภาษณ์ในการเปิดตัวแอปพลิเคชัน One Night ที่ กทม. ว่า เหตุผลหลักของการเปิดตัวครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของผู้คนใน กทม. เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะการลงทุนของ “แสนสิริ” เจ้าพ่อวงการอสังหาฯ ไทยที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจกลุ่มอื่นต่อเนื่องตลอดหลายปี
“การเปิดตัวที่กรุงเทพฯ ถือเป็นการเปิดตัวในเมืองที่ 16 จากที่ One Night เริ่มต้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถือเป็นเมืองแรกในเอเชีย เหตุที่เป็น กทม. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนของแสนสิริ การลงทุนนี้ไม่ได้เป็นการลงทุนที่เน้นแต่เม็ดเงิน แต่ยังมีการแชร์ทีมงาน ทรัพยากรอื่น รวมถึงคอนเนกชันที่เกี่ยวข้อง” จิมมี่ ระบุ “ผมรู้สึกว่า กทม. เป็นเมืองที่เหมาะในการบุกตลาด พฤติกรรมผู้ที่อาศัยในเมือง และนักเดินทางที่เข้ามาเยี่ยม เราได้เห็นโรงแรมรูปแบบใหม่มากขึ้น เป็นพื้นที่ที่น่าเข้ามาทำงานด้วย”
ผู้บริหาร One Night ระบุว่า กทม. เป็นพื้นที่ที่บริษัทมองเห็น “ดีมานด์ใหม่” ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสเติบโตที่บริษัทเชื่อว่าจะร้อนแรงเหมือนในสหรัฐอเมริกา และยุโรป ถัดจาก กทม. One Night จะไปที่ภูเก็ต และหัวหิน ก่อนจะขยายไปสิงคโปร์ ฮ่องกง และโตเกียว ขณะที่ยุโรปจะเปิดที่ปารีส และอัมสเตอร์ดัม
***เจาะตลาดใหม่ดีมานด์บูม
One Night เป็นแอปพลิเคชันที่สร้างชื่อในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มานาน 2 ปี ต้นสังกัดของ One Night คือ บริษัทสแตนดาร์ดอินเทอร์เนชันแนล (Standard International) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของผู้ประกอบการโรงแรมเครือ Standard Hotels เดิม การเปิดตัว One Night เกิดขึ้นหลังจากที่ได้เห็นความต้องการของโรงแรมบูติกหลายแห่งที่กำลังหาโอกาสจากการจองห้องพักนาทีสุดท้าย ซึ่งเป็นเทรนด์แรงที่สะท้อนโอกาสใหม่ในวงการโรงแรม
จิมมี่ ชี้ว่า จากสถิติในสหรัฐอเมริกา พบว่า การจองห้องพักในวันเดียวกับที่เข้าพักมีสัดส่วน 15% ของยอดจองทั้งหมด ในกลุ่มนี้ 75% เป็นคนในพื้นที่ (โลคอล) สถิติทั้งหมดแสดงถึงความต้องการที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยกลุ่มคนจองห้องพักผ่านอุปกรณ์พกพาคิดเป็น 70%
นอกจากนี้ ทั่วโลกยังมีโรงแรมอิสระมากกว่า 130,000 แห่ง ถือเป็นเซกเมนต์ที่โตไวที่สุดในอุตสาหกรรมโรงแรม One Night จึงต้องการสาธิตหรือโชว์เคสให้ผู้ประกอบการได้เห็นช่องทางโอกาสธุรกิจ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเดินทางได้
ขณะนี้ One Night มีห้องพักที่เป็นโรงแรมอิสระ รวมถึงอพาร์ตเมนต์กว่า 170 แห่งในเมืองใหญ่ 15 แห่งในสหรัฐฯ และลอนดอน จิมมี่ ระบุว่า สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ One Night คือ การเป็นตัวเชื่อมกับโรงแรมอิสระ เนื่องจากจุดเริ่มต้นของแอปพลิเคชัน One Night คือ กลุ่มเจ้าของโรงแรม การเป็นผู้ประกอบการโรงแรมทำให้ One Night เข้าใจความต้องการทั้งฝั่งโรงแรม และผู้บริโภค
“แนวคิดเบื้องหลังของ One Night คือ ความอยากตอบความต้องการนักเดินทางคนรุ่นใหม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ คนกลุ่มนี้ต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ และต้องการสิ่งที่ได้ในทันทีทันใด คนกลุ่มนี้อยากให้เกิดขึ้นเลยโดยไม่ต้องรอไม่ต้องวางแผน เราจะตอบความต้องการนั้น” จิมมี่ เล่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการโรงแรม คือ ที่ผ่านมา โรงแรมใช้งบน้อยมากในการดึงลูกค้าในท้องถิ่น และผู้ประกอบการยังลงทุนทำการตลาดด้วยเงินมากมาย เพื่อดึงลูกค้าจากนอกพื้นที่ หรือกลุ่มนอกประเทศ”
แนวคิดที่จิมมี่ พูดถึง คือ คอนทีเนียน ไลฟ์สไตล์ (Continent Lifestyle) ซึ่งเป็นพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ชอบท่องเที่ยวโดยไม่วางแผน One Night จึงจะเน้นตอบความต้องการที่มาจากใจของลูกค้าในตอนนั้น เพราะความเชื่อว่า การทำอะไรนอกกรอบก็มอบประสบการณ์ที่ดีได้
*** เป้าหมายคือคนที่มีเวลาคืนเดียว
กลุ่มเป้าหมายของ One Night คือ กลุ่มที่มีเวลาท่องเที่ยวสั้นคืนเดียว ซึ่งไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่มคนในพื้นที่ ซึ่งอยากพักผ่อนตามเทรนด์ staycation (เทรนด์ท่องเที่ยวในเมืองที่อยู่) เท่านั้น แต่ยังเจาะกลุ่มนักเดินทางในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสามารถขึ้นเครื่องบิน 4-5 ชั่วโมง เพื่อพักผ่อนคืนเดียวได้ จุดนี้ผู้บริหาร One Night มั่นใจว่า แม้จะไม่ได้สำรวจวิจัยคความต้องการใน กทม. อย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าการจองเพื่อพักในวันเดียวกันใน กทม. จะมีอัตราเติบโตสูง
“การสำรวจจาก One Night พบว่า คนกลุ่มมิลเลนเนียม ออกเดินทางมากขึ้น โดยกลุ่มนี้จะใช้จ่ายเงินมากที่สุดไปกับการท่องเที่ยว จากข้อมูลที่มี เรายินดีรับความเสี่ยง เหมือนสตาร์ทอัปทั่วไปที่ยังต้องศึกษาให้มากขึ้น ต้องดึงโรงแรมที่ประสบความสำเร็จมามีส่วนร่วม”
ความมั่นใจนี้มาจากความจริงที่ว่า กทม. เป็นเมืองที่มีประชากรมากกว่านิวยอร์ก และไทยเป็นประเทศที่มีตัวเลขจีดีพีสูงอันดับ 2 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน ขณะเดียวกัน กทม. ก็เป็นเมืองที่ได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าทำงาน น่าใช้ชีวิต และน่าเที่ยวมากที่สุดอันดับที่ 42 จาก 110 อันดับของโลก
แม้ว่าจะมีจุดยืนคล้ายแอปพลิเคชันจองโรงแรมบูติกโฮเทลทั่วไป แต่ One Night เน้นให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบว่า โรงแรมอินเทรนด์เหล่านี้ล้วนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ห้องพักที่ได้มาตรฐานเท่านั้นที่จะได้รับการดึงมาเป็นพันธมิตรในแอป เช่น ปาเฮ่า (Ba Huo) สยามแอทสยาม (Siam&Siam) และเดอะสุโกศล (Sukosol) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ 16 โรงแรมใน กทม. ที่เซ็นสัญญากับ One Night แล้ว
การปรากฏตัวของ One Night ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นก้าวแรกของการขยายธุรกิจสู่เอเชีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบุกตลาดโลก จุดนี้ One Night มีแผนขยายบริการให้ครอบคลุม 30 เมืองทั่วเอเชีย และยุโรป ในปี 2020
แอปยังมีจุดเด่นที่ฟีเจอร์คู่มือแนะนำเมืองแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ภายในมีการแนะนำกิจกรรมใกล้โรงแรมซึ่งสามารถทำได้ทุกชั่วโมง ฟีเจอร์นี้จะเป็นประโยชน์เนื่องจากนักเดินทางสามารถมองหากิจกรรมที่ดีโดยไม่ต้องเดินทางไกล
*** เพื่อนแนะนำได้ค่าขนม
ปีหน้า One Night หวังจะเปิดทางให้ผู้ใช้เลือกจองโรงแรมกว่า 200 แห่งในเครือได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์กลุ่มโรงแรมเพราะจะมีวิธีการใหม่ในการเพิ่มลูกค้า บริการนี้จะมีชื่อว่า เฟรนด์วิธเบเนฟิทส์ (Friend with benefits) หรือ FWB ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากโลกโซเชียล และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ซึ่งหากใครแนะนำแล้วมีการจองห้องพักจริง ก็จะมีการแบ่งค่าคอมมิชชันให้
“นี่จะเป็นรูปแบบใหม่ ทำให้ทุกคนมีโอกาสเป็นเอเยนซีท่องเที่ยวได้” จิมมี่ ระบุ “เบื้องหลังแนวคิดนี้ คือ เพราะผู้บริโภคจำนวนมากเชื่อมั่นเรื่องคำแนะนำโรงแรมจากเพื่อน แต่ที่ผ่านมา โรงแรมพยายามทุ่มเงินโฆษณาเพื่อให้ชื่อโรงแรมถูกแสดงเป็นรายการอันดับต้นเมื่อมีการค้นหาที่บริการดังอย่าง อโกด้า (Agoda) สิ่งที่ One Night มอง คือ โรงแรมสามารถเปลี่ยนเงินงบการตลาดออนไลน์ มาเป็นค่าคอมมิชชันให้ลูกค้าได้โดยตรง”
สำหรับปีแรก ผู้บริหาร One Night ระบุว่า จะโฟกัสที่การขยายฐานผู้ใช้ และฐานจำนวนโรงแรม มากกว่าการขยายฐานเพิ่มจำนวนเมืองที่ให้บริการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทใช้ทรัพยากรจำนวนมากไปกับการเพิ่มจำนวนเมืองที่ให้บริการ
“ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อช่วงแรก ผมคิดว่าจะสร้างสมดุลให้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องการตลาด การดึงฐานลูกค้าให้มากขึ้น แทนที่จะขยายเป็นจำนวนเมือง” จิมมี่ ระบุ “ตอนนี้ One Night มีฐานผู้ใช้ 250,000 คนในสหรัฐฯ ลูกค้ากลุ่มนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้จ่ายเงินค่าประชาสัมพันธ์เลย ต่อจากนี้ ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้งบซื้อสื่อด้วย และจะมุ่งไปที่โรงแรม เพื่อนำข้อมูลไปเสนอให้โรงแรมเห็นภาพ ทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น”
กลยุทธ์ต่อจากนี้ของ One Night จึงจะเน้นขยายฐานทั้งผู้ใช้ และฐานโรงแรมใน กทม. เป้าหมายระยะแรก คือ ต้องการผลักดันให้แอปพลิเคชันมียอดดาวน์โหลดเกิน 100,000 ครั้งในปีแรก ตั้งเป้าให้อัตราการใช้งานจริงคือ 20% ของคนที่ลงชื่อใช้งาน
***การตลาดโซเชียลเดือด
แผนการตลาดดิจิทัลของ One Night นับจากนี้ คือ การใช้ช่องทางโซเชียลเป็นสื่อ รวมพลังกับสปอนเซอร์แอด การใช้อินฟลูเอนเซอร์ การโฆษณาผ่านโมบายแอปสโตร์ และซื้อโฆษณาแบบอิงพิกัดพื้นที่ เพื่อเจาะกลุ่มที่ซื้อไฟลต์การบิน นอกจากนี้ จะจะใช้โลคอลพาร์ตเนอร์คู่ไปด้วย
แน่นอนว่า One Night ไม่ใช่แอปพลิเคชันจองโรงแรมวันเดียวกับที่เข้าพักแค่รายเดียว แต่จุดต่างที่ One Night มั่นใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น คือ ความต่างที่คุณภาพของโรงแรมห้องพัก และคำแนะนำกิจกรรมที่ทำระหว่างพัก เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด จุดนี้ One Night จะมีทีมงานไปรีเสิร์ชจากเจ้าหน้าที่โรงแรม ซึ่งผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าจองห้องพักก็สามารถอ่านข้อมูลผ่านแอปได้
อีกจุดต่างสำคัญ คือ เวลาการจอง One Night สามารถจองห้องพักได้ก่อนเที่ยง เพื่อเข้าพักในวันนั้นเลย สามารถพักได้ยาว 7 วัน ต่างจากแอปพลิเคชันจองห้องนาทีสุดท้ายอื่นที่กำหนดว่าต้องจองล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ซึ่งประเด็นนี้โรงแรมยินดีมอบราคาพิเศษ เพื่อลดจำนวนห้องว่าง โดยราคาเฉลี่ยบน One Night ยังถือว่าต่ำกว่าแอปพลิเคชันจองโรงแรมอื่นราว 25-40%
“การทำการตลาดในตลาดใหม่ คือ ความท้าทายที่สุด ภารกิจหลักคือการนำเอาโอกาสมาสร้างการเติบโต และทำให้เข้าถึงได้ในเมืองใหม่ ส่วนตัวผมเชื่อว่า FWB คือ โอกาสที่ดีมากในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน จุดนี้ถือเป็นความท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้”
สำหรับฟีเจอร์ในอนาคต จิมมี่ ระบุว่า One Night อาจจะเพิ่มรูปแบบการค้นหาโรงแรมสไตล์ใหม่ โดยจะเปิดให้ลูกค้ากรอกราคาที่ต้องการ แล้วให้เป็นหน้าที่ของระบบในการเลือกว่า ห้องพักใดน่าสนใจ เมื่อถึงวันนั้น เชื่อว่าวงการแอปพลิเคชันจองโรงแรมจะถึงจุดเปลี่ยนใหม่อีกครั้ง