เอไอเอส เซ็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ร่วมกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ในการนำโซลูชัน NB-IoT มาใช้สำหรับส่งข้อมูลพิกัดรถจักรยานยนต์ตำรวจ 360 คัน เพื่อช่วยให้สามารถรับแจ้งเหตุ และส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุได้เร็วที่สุด
น.ส.อัศนีย์ วิภาตเวทย์ หัวหน้าส่วนงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กรและบริการระหว่างประเทศ เอไอเอส กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเครือข่าย NB-IoT ที่จะเข้ามาช่วยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปใช้งาน เพื่อให้การมาของสมาร์ทซิตีเกิดขึ้นได้จริง
“รูปแบบของการนำ NB-IoT มาใช้งานในครั้งนี้คือ การส่งข้อมูลพิกัดรถมอเตอร์ไซค์ (GPS) ของตำรวจสายตรวจ หรืองานจราจร ที่จะแสดงผลไปยังจอมอนิเตอร์ ณ โรงพัก 9 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ และข้อมูลทุกอย่างจะถูกเข้ารหัสให้มีแต่ผู้ที่มีล็อกอินเท่านั้นถึงจะเข้าถึงข้อมูลได้”
พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า นโยบายหลักของกองบัญชาการตำรวจนครบาล คือ การป้องกันความเสียหาย หรือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยมีเป้าหมายการลดจำนวนเหตุ และคดีอาชญากรรมลง
“หวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นและแบบอย่างที่ดีของการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติงานของตำรวจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อความสงบสุขและเรียบร้อยของประชาชน และบ้านเมือง”
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ เอไอเอส นำเครือข่าย NB-IoT และ eSIM มาให้ใช้งาน ร่วมกับบริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด ที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ IoT เพื่อติดตั้งแก่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ใช้งานเป็นระยะเวลา 1 ปี
จุดประสงค์หลักของความร่วมมือในครั้งนี้ คือ เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย ศูนย์บัญชาการส่วนกลางจะสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด รุดไปช่วยเหลือดูแลประชาชนได้รวดเร็วกว่าเดิม เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยนำร่องเริ่มใช้บริการที่สถานีตำรวจในเขตนครบาล 1 จำนวน 9 สถานี ได้แก่ สถานีตำรวจชนะสงคราม พญาไท ดินแดง ดุสิต นางเลิ้ง บางโพ มักกะสัน ห้วยขวาง และสามเสน ที่มีจำนวนรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ จำนวน 360 คัน