xs
xsm
sm
md
lg

คาดปี 2020 ตลาดกล้องวงจรปิดไทยทะลุ 1 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากซ้าย ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), เรจิน่า  ไส รองผู้จัดการทั่วไป เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต นิวเอร่า บิสซิเนส มีเดีย, นิติ เมฆหมอก อุปนายกสมาคม ไทยไอโอที และ  ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  และนายกสมาคมระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะไทย (ICA)
ผู้จัดงานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2018 คาดอีก 2 ปี ตลาดกล้องวงจรปิดไทย (CCTV) จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปัจจุบันที่มีมูลค่าราว 6 พันล้านบาท ชี้ภาครัฐ คือ ลูกค้ารายใหญ่ที่ลงทุนซื้อกล้องวงจรปิดเกิน 70% ของตลาด เชื่อสัดส่วนนี้ยังคงที่ในปีหน้าแม้ภาคเอกชนไทยจะหันมาลงทุนระบบกล้องวงจรปิดแบบผสมระบบ AI เพื่อวิเคราะห์และต่อยอดด้านการตลาดเพิ่มขึ้น

นายศิระพัฒน์ เกตุธาร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัด กล่าวในงานแถลงข่าวความพร้อมจัดงานซีเคียวเทค (Secutech) ปี 2018 ว่า ปัจจุบัน สัดส่วนตลาดกล้องวงจรปิดในประเทศไทยระหว่าง B2G และ B2B นั้นคิดเป็น 70-30 เนื่องจากรัฐบาลไทยมีนโยบายเร่งผลักดันให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั้งระดับจังหวัด และอำเภอ ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อยกระดับความปลอดภัย และเอื้อต่อการพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือสมาร์ทซิตี คาดว่าปีหน้าสัดส่วนตลาดจำหน่ายกล้องวงจรปิดแก่หน่วยงานภาครัฐ หรือ B2G ก็จะยังเป็น 70% เท่าเดิม ขณะที่ภาคเอกชนจะคิดเป็น 30% ซึ่งจะเน้นการติดตั้งในอาคาร ห้างสรรพสินค้า และโรงเรียนเป็นหลัก

“อัตราเติบโตกล้องวงจรปิดไทยแต่ละปีอยู่ที่ 10-15% คาดว่าอีก 2 ปีจะขยับเป็น 1 หมื่นล้านบาทจาก 6,000 ล้านบาทในปีนี้ ตลาดไทยเชื่อว่าเป็นรองแค่สิงคโปร์ และมาเลเซีย ในแง่มูลค่า แต่สัดส่วนไม่แพ้กัน ขณะที่ตลาดไทยน่าสนใจเรื่องการขยายตัวของตลาด”
ศิระพัฒน์ เกตุธาร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัด
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีสำรวจภาวะการเติบโตของตลาดกล้องวงจรปิดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่เพราะอายุการใช้งานของกล้องวงจรปิดเฉลี่ย 4-5 ปี ทำให้ต้องมีการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนกล้องใหม่ตามวงจร ส่งให้ตลาดกล้องวงจรปิดของไทยเติบโตชัดเจน โดยเฉพาะล่าสุดรัฐบาลไทยมีคำสั่งปรับปรุงระบบกล้องวงจรปิดใหม่ 3 แสนตัวทั่วประเทศไทย ซึ่งหากบวกค่าติดตั้ง คาดว่าตลาดกล้องวงจรปิดไทยปีนี้จะขยายตัวขึ้นอีกหลายล้านบาท

“เชื่อว่าฐานตลาดกล้องวงจรปิดจะขยายไปได้อีกมาก โดยนอกจากระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นสัดส่วนการใช้งานเกิน 90% ในขณะนี้ยังมีภาคการเกษตร ตลาดระบบวิเคราะห์ข้อมูล ระบบจราจร จุดนี้ ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่เน้นแข่งพัฒนาฮาร์ดแวร์กับจีน”
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)
ภาวะการเติบโตของตลาดกล้องวงจรปิดเป็นไปตามนโยบายสมาร์ทซิตีของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแกนหลักในการพัฒนาเมืองตามหลัก “เซฟซิตี้” และ “ซีเคียวซิตี้” จุดนี้ ดร.ภาสกร อธิบายว่า 2 ปัจจัยผลักดันให้ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวสู่สมาร์ทซิตี คือ แนวโน้มประชากรที่จะย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น และสังคมผู้สูงอายุที่จะมีผลกระทบกับประเทศไทย รวมถึงปัจจัยเรื่องโกลบอลไลเซชัน การค้าระหว่างประเทศผ่านระบบออนไลน์จะทำให้ไทยต้องทำเรื่องไซเบอร์ซีเคียวริตีให้มากขึ้น

“การสำรวจพบว่า ประชากรโลกจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่เมืองเกินครึ่งหนึ่ง ปี 2030 สัดส่วนประชากรที่จะเข้ามาอยู่ในเมือง คือ 60% แต่พื้นที่ในเมืองคิดเป็น 3% ของผิวโลกเท่านั้น เรียกว่าจะกระจุก และผลิตมลภาวะให้โลก” ดร.ภาสกร กล่าว “การสำรวจในไทยช่วงปี 50 วัยแรงงาน 6 คนจะดูแลผู้สูงอายุ 1 คน แต่ในอีกไม่กี่ปีจะเป็นคนวัยแรงงาน 3 คน ดูแลผู้สูงอายุ 1 คน หายไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้น จึงต้องมีการใช้เทคโนโลยี เพื่อดูแลความปลอดภัยในยุคที่แรงงานน้อยลง”

ความจำเป็นในการปรับตัวเป็นสมาร์ทซิตี ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางอินโดจีนในสายตา “เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต” ซึ่งร่วมมือกับ “เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี” จัดงานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2018 โดยนำผู้ผลิตสินค้า เจ้าของเทคโนโลยีโซลูชัน เพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมาแสดง ทั้งกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ กล้องวงจรปิดเฝ้าระวังความปลอดภัยที่เสริมด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งกล้องวงจรปิดที่สามารถระบุการระบุตัวตนไบโอเมตริกซ์
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และ นิติ เมฆหมอก อุปนายกสมาคม ไทยไอโอที
ประเด็นนี้ ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนายกสมาคมระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะไทย (ICA) ระบุว่า ขณะนี้มีการรวมตัวของบุคลากรผู้ประกอบการไทยกว่า 500 รายในการร่วมกันพัฒนา CCTV เทคโนโลยี AI มาผสมกับแอปพลิเคชันอื่น เพื่อทำงานที่หลากหลาย เช่น เรื่องดูแลผู้สูงอายุ การจราจร เชื่อว่าจะช่วยสร้างระบบให้ประเทศไทยได้หลากหลายในอนาคต

สำหรับงานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2018 จะจัดขึ้นพร้อมงานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ 2018 และไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ 2018 ภายใต้แนวคิดร่วม Smart City Safe City คาดมีผู้ร่วมชมงานกว่า 9,500 คน และผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าและเทคโนโลยีกว่า 150 ราย ระหว่างวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2561 ณ ฮอลล์ 103-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

น่าเสียดายที่บูทหลักในงานล้วนเป็นบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ผลิตระบบรักษาความปลอดภัย, การป้องกันอัคคีภัย, ภัยพิบัติ, สมาร์ทโฮม หรือความปลอดภัยระบบสารสนเทศ โดยจุดที่น่าสนใจของงานปีนี้ คือ การเชิญผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่นมาร่วมชมงานเช่นเดียวกับผู้ร่วมชมงานจากประเทศอินโดจีนอย่างกัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งเชื่อว่าจะมีการลงทุนเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้นในยุคดิจิทัล จุดนี้ผู้จัดระบุว่าได้เชิญบุคลากรจากองค์กรบริหารส่วนจังหวัดกว่า 300 แห่งจาก 2,000 อบจ.ทั่วไทย ให้มาร่วมงานผ่านการประสานงานกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย.


กำลังโหลดความคิดเห็น