ถือว่ามาไกลมากสำหรับระบบปฏิบัติการอุปกรณ์มือถือของกูเกิล (Google) อย่างแอนดรอยด์ (Android) แพลตฟอร์มของ Google ที่ขยายตัวจนครองพื้นที่หลักในโลกเทคโนโลยีด้วยสถิติการใช้งานเกิน 2 พันล้านเครื่องในช่วง 10 ปี
ย้อนไปเมื่อ 23 กันยายน 2008 โลกได้เห็น T-Mobile G1 ซึ่งมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 1.0 เป็นครั้งแรกในฐานะระบบปฏิบัติการใหม่ เพื่อโลกยุคใหม่ Android ในช่วงแรกยังถูกใช้งานไม่แพร่หลาย แต่ในที่สุดก็กลายเป็นแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือที่โดดเด่น และเป็นพื้นฐานสำหรับสิ่งที่หลายคนคาดหวังในสมาร์ทโฟน แถมยังล้มยักษ์ระบบปฏิบัติการยุคเก่าได้สำเร็จ
เรื่องราวการพัฒนา Android ถูกมองว่าเปลี่ยนไปตามคลื่นในทะเลอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน เนื่องจากความสามารถของ Android ยุคแรกยังมีข้อจำกัดมาก ก่อนจะเพิ่มเติมจนทำให้มีความสามารถได้มากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ Google เลือกตั้งค่าเริ่มต้น Android ยุคแรกให้ไม่สามารถเล่นวิดีโอนอกยูทูป (YouTube) ได้ ขณะที่ตลาดดาวน์โหลดแอป Android อย่างกูเกิลเพลย์ (Google Play) ก็มีแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดเพียงไม่กี่รายการ
นอกจากนี้ Android ยุคแรกยังไม่มีแป้นพิมพ์เสมือนจริง เนื่องจากแอนดี้ รูบิน (Andy Rubin) และทีมงานได้ออกแบบ Android ให้มีประสบการณ์เหมือนแบล็กเบอร์รี่ (BlackBerry) ซึ่งได้รับความนิยมมากในช่วงก่อนที่ไอโฟน (iPhone) ของแอปเปิล (Apple) จะพัฒนาออกมาในรูปทัชสกรีน ประเด็นนี้ทำให้ Android เบนเข็มมาให้ความสนใจพัฒนาซอฟต์แวร์คีย์บอร์ดสำหรับ Android รุ่นหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ Android ไม่เคยเปลี่ยนไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คือ Google ตั้งใจให้ Android เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ซึ่งทำงานโดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นศูนย์กลาง ผลคือ ระบบปฏิบัติการแบบปิดทั้ง BlackBerry, ซิมเบียน (Symbian) และวินโดวส์โมบาย (Windows Mobile) ต่างพ่ายแพ้ไปราบคาบ
โทรศัพท์รุ่นดึกที่มักถูกพูดถึงเมื่อมีการย้อนประวัติศาสตร์ Android คือ Motorola Droid และ Samsung Galaxy S ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการมือถือยอดนิยมในช่วงเวลานั้น ไม่นาน Android ก็เติบโตก้าวกระโดดเพราะกองทัพสมาร์ทโฟนจีนที่ร่วมใช้งาน Android จนวันนี้มีจำนวนเครื่องที่เปิดใช้งาน Android แล้วไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านอุปกรณ์
วันนี้ Android เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งานจริงบนสมาร์ทโฟนเกือบทุกรุ่นที่ไม่ได้มาจาก Apple ยังไม่นับแท็บเล็ต นาฬิกาอัจฉริยะ ทีวี และอุปกรณ์อื่นอย่างเตาอบ ลำโพง หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงชุดอุปกรณ์ VR ที่ใช้ Android เช่นกัน
คาดว่า Android จะต้องฟาดฟัน และเพิ่มคุณสมบัติเพื่อให้สามารถครองตลาดอื่นให้ได้นอกจากสมาร์ทโฟน เพราะในตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ พบว่า แพลตฟอร์มของ Apple นั้น นำหน้า Android อย่างชัดเจน ยังมีคอมพิวเตอร์พีซีพกพาที่ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ยังถูกใช้งานอย่างจำกัด ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Android ใน 10 ปีข้างหน้า คือ การเพิ่มความสามารถรอบด้านให้ Android ทัดเทียมคู่แข่งต่อไป
