วิวโซนิค (ViewSonic) ประกาศความสำเร็จยอดขายโปรเจกเตอร์ครึ่งแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 300% ผลจากการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ช่วงต้นปี และการตั้งสาขาถาวรในไทยอย่างเป็นทางการ เชื่อครึ่งหลังของปีนี้จะมีการเติบโตขึ้นอีกจนส่งให้สามารถขึ้นแท่นท็อป 3 ของตลาดโปรเจกเตอร์ไทย ที่มีขนาดรวมกว่า 84,000 ตัวต่อปี สานฝันครองเก้าอี้ท็อป 5 ในเอเชียแปซิฟิก สำเร็จภายในปี 2018
เชาว์ ฟูฮอง ผู้จัดการประจำประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ บริษัท วิวโซนิค อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น ให้ความเห็นถึงแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง โดยยอมรับว่าอาจมีอัตราเติบโตไม่ถึง 300% เช่นในครึ่งแรกของปีนี้ โดยปีที่แล้ว วิวโซนิคมีตำแหน่งผู้ผลิตโปรเจกเตอร์เบอร์ 4 ในตลาดไทยด้วยมาร์เกตแชร์ 7% เป็นรองเอปสัน เอเซอร์ และโซนี่
“เราเพิ่งทำตลาดไทยเต็มตัวเมื่อต้นปี ปรับกลยุทธ์ตัวแทนจำหน่ายใหม่ ทำให้ยอดขายพุ่งแรง 300%” ผู้บริหารวิวโซนิค ระบุ “วันนี้ตลาดโปรเจกเตอร์ไทยอยู่ที่ประมาณ 84,000 เครื่องต่อปี ตัวเลขไม่ค่อยเติบโต เพราะเป็นการใช้แทนตัวเก่า แต่มูลค่าของตลาดเพิ่มขึ้น เพราะฟีเจอร์ดึงให้ราคาโปรเจกเตอร์สูงขึ้นในบางรุ่น ทำให้เม็ดเงินเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี”
สำหรับอาวุธส่วนหนึ่งที่วิวโซนิค เตรียมไว้เพื่อบุกตลาดปีนี้ คือ โปรเจกเตอร์ใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นพกพาพร้อมลำโพงคู่ในตัวอย่าง M1 โปรเจกเตอร์หลอด LED ความร้อนไม่สูง แบตเตอรีในตัวใช้งานได้ 6 ชม ความจุ 16 GB อายุหลอดไฟ 30,000 ชม. พร้อมใช้เร่งด่วนแบบไม่ต้องวอร์มเครื่องเหมือนโปรเจกเตอร์ทั่วไป M1 ใช้พื้นที่น้อย เพราะเพียงวางห่างจากฉาก 2 เมตร ก็แสดงภาพได้กว้าง 80 นิ้ว แถมยังมีฟีเจอร์ตัดแสงอัตโนมัติเมื่อเด็กเดินมาเล่น โดยรองรับ USB Type C ที่ต่อมือถือเล่นได้เลย จุดอ่อน คือ ความละเอียดภาพไม่ถึงระดับ HD
อีก 2 รุ่นเป็นโปรเจกเตอร์ 4K ที่มีจุดต่างที่ความสว่างแอนซี่ลูเมนส์ คือ รุ่น PX727-4K เหมาะสำหรับโรงหนังบ้าน เพราะสว่าง 2,200 แอนซีลูเมนส์ อีกรุ่น คือ PX747-4K เป็น 4K สำหรับห้องนั่งเล่น 3,500 ลูเมนส์ที่ฉายได้ไม่ต้องปิดไฟ
ณัฐภูมิ ภุชงค์ชัย ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ มั่นใจว่า สินค้ากลุ่มโปรเจกเตอร์พกพา จะขยายตัวในประเทศไทย โดยวันนี้ตลาดโปรเจกเตอร์กำลังเติบโตแทรกซึมตลาดทีวี เพราะทีวีหน้าจอใหญ่ 100 นิ้ว ไม่สามารถขนส่งขึ้นลิฟต์ในคอนโดมีเนียมได้
“ทีวีจอใหญ่เกิน 75 นิ้ว วันนี้ต้องยกขึ้นทางหน้าต่าง โปรเจกเตอร์พกพายังมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมากเพราะ 1 บ้านสามารถมีหลายตัว ที่ผ่านมา วิวโซนิคมีจำหน่ายรุ่นพกพา แต่รุ่นใหม่มีความสว่างมากกว่า”
วิวโซนิค คาดว่า M1 จะทำยอดจำหน่ายได้ 300 เครื่องต่อเดือน เนื่องจากผลตอบรับที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน แต่พบว่ามีความต้องการมาก ทำให้เป้าหมายระยะแรกที่คาดว่าจะเป็นรุ่นเติมเต็มตลาดถูกเปลี่ยนแปลงไป โดยยอดขายที่ได้สูงกว่าตัวนำเข้ามาจำหน่ายช่วงแรก 50 เครื่องถึง 3 เท่าตัว จุดนี้ M1 ถูกการันตีว่าเป็นโปรเจกเตอร์รุ่นแรกในตลาดที่มีหลอด LED ลำโพงในตัว ซึ่งผู้ใช้ไม่ต้องวอร์มเครื่อง และสามารถเปิดวิดีโอจากแฟลชไดรฟ์โดยไม่สว่างมาก
นอกจากตลาดพกพา ตลาดโปรเจกเตอร์ 4K จะเป็นอีกเทรนด์ที่ขยายตัวแน่นอนในประเทศไทย เนื่องจากเนื้อหาวิดีโอ 4K ในไทยแพร่หลายมากทั้งเกม และวิดีโอ ขณะที่ราคาลดลงเหลือครึ่งแสนก็ซื้อหามาใช้งานได้
“จุดเด่นของโปรเจกเตอร์ 4K ของเรา คือ ราคา ใช้ทดแทนทีวี 100 นิ้วได้ อายุหลอด 15,000 ชั่วโมง ต่อเอชดีเอ็มไอดองเกิลไร้สายได้”
สำหรับยอดขายรวมทั้งปี วิวโซนิค เชื่อว่าจะมีอัตราเติบโต 400% ในเชิงจำนวนเครื่องที่ขาย โดยไทยจะเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ช่วยดันให้วิวโซนิค เป็นท็อป 5 ในตลาดเอเชียแปซิฟิก สำหรับครึ่งหลังปีนี้ วิวโซนิคจะเน้นที่สินค้ากลุ่มมอนิเตอร์ และตลาดโฮมยูส คาดว่า ปลายปีจะมีการเปิดตัวสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง และจอภาพอื่นอีกหลายรุ่น
น่าเสียดายที่ผู้บริหารวิวโซนิค ไม่เปิดเผยตัวเงินการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการเปิดสำนักงานถาวรครั้งแรกในไทย เบื้องต้น ให้ข้อมูลงบประมาณการลงทุนด้านการตลาด และส่งเสริมการขายว่าจะอยู่ที่ 10% ยอดขาย ซึ่งถือว่ามากกว่าปกติที่วิวโซนิคประเทศอื่นวางสัดส่วนไว้ 5%
วิวโซนิคนั้นเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งในสหรัฐฯ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว จุดยืนของวิวโซนิค คือ การเป็นบริษัทสหรัฐฯ ที่มีฐานการวิจัยและพัฒนาที่แคลิฟอร์เนีย และไต้หวัน โดยรายได้กว่า 60% เป็นรายได้จากตลาดสหรัฐฯ ฐานการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ไต้หวัน และจีน
“วิวโซนิค เน้น 4 ตลาด คือ ธุรกิจ, การศึกษา, กลุ่มมือโปร และคอนซูมเมอร์ วันนี้บริษัทตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจเรื่องการฝังซอฟต์แวร์ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกัน หรือคอนเนกต์ได้ ด้านการศึกษาก็ต้องใช้ซอฟต์แวร์ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมในห้องเรียนดิจิทัล ขณะที่กลุ่มมือโปรจะต้องเน้นเรื่องจัดการสี และคอนซูมเมอร์เน้นที่ความบันเทิง”
ปัจจุบัน วิวโซนิคมีช่องทางจำหน่ายรวมทั้งรีเทล และผู้ติดตั้งระบบ หรือ SI มากกว่า 300 ช่องทาง สัดส่วนลูกค้าคอนซูเมอร์คิดเป็น 30% และธุรกิจ 70% คาดว่า สัดส่วนนี้จะยังคงที่ เพราะทั้ง 2 ตลาดเติบโตไม่แพ้กัน เนื่องจากช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงเวลาแห่งการส่งโปรเจกต์ของหลายบริษัท ทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้ยอดขายของวิวโซนิค ครองส่วนแบ่งตลาดไทยได้ 10% จาก 84,000 ตัว
กลุ่มสินค้าหลักที่ทำยอดขายให้วิวโซนิค มากที่สุด คือ โปรเจกเตอร์ (45%) รองลงมา เป็นหน้าจอแอลซีดี (45%) นอกนั้น เป็นสินค้ากลุ่มจอสัมผัสอัจฉริยะ IFP หรือ Interactive flat panel display (10%) โดยกลุ่มหลังคาดว่าจะเติบโตเท่าตัวในอนาคต เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานในองค์กรใหญ่ และสถาบันการศึกษา คาดว่า สัดส่วนนี้จะเปลี่ยนแปลง ทำให้ยอดขายโปรเจกเตอร์ครองส่วนแบ่ง 40% หน้าจอแอลซีดี 40% และ IFP 20%
