อะเมซอน (Amazon.com) กลายเป็นบริษัทล่าสุดที่ยิ่งใหญ่กลุ่มเดียวกับแอปเปิล (Apple) ด้วยฐานะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รายที่ 2 ซึ่งมีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ยศใหม่ของ Amazon นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในรอบ 1 ปี ผลจากการเติบโตอย่างรวดเร็วในธุรกิจค้าปลีก และคลาวด์คอมพิวติ้ง
สถิติล่าสุด 5 กันยายน 2018 หุ้น Amazon มีการซื้อขายสูงถึง 2,050.50 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ระดับ 2,039.51 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.3% ถือว่าทำสถิติใหม่ที่เคยทำได้ที่ 2,050.2677 ดอลลาร์ จุดนี้หากหุ้นของ Amazon มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอีกก็อาจจะแซงมูลค่าตลาดของ Apple ซึ่งทะลุหลัก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา
มีการเปรียบเทียบว่า Amazon ใช้เวลาน้อยกว่าในการสร้างฐานะเติบโต เนื่องจากผู้ผลิตไอโฟนใช้เวลาเกือบ 38 ปีในฐานะบริษัทมหาชน กว่าจะบรรลุหลัก “ล้านล้านดอลล์” ขณะที่ Amazon ใช้เวลา 21 ปีเท่านั้น ก็สามารถขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าล้านล้านดอลล์ได้
นักวิเคราะห์ชี้ว่า นักลงทุนโดนใจ Amazon ตรงที่สามารถกระจายตัวไปในแทบทุกมุมของอุตสาหกรรมค้าปลีก ขณะเดียวกัน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าได้ชัดเจน และสร้างความกดดันให้แก่ร้านค้าดั้งเดิมได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ Amazon ยังสามารถครอบงำกลุ่มธุรกิจบริการเว็บเซอร์วิสได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน Amazon ยังให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง และซื้อกิจการซูเปอร์มาร์เกตพรีเมียม “Whole Foods” และบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งทำกำไรหลักให้แก่บริษัท
เดเนียล มอร์แกน (Daniel Morgan) ผู้จัดการบริษัทซินโนวัส ทรัสต์ (Synovus Trust) วิเคราะห์ว่า Amazon มีโอกาสเติบโตมากกว่า Apple เนื่องจากวันนี้ iPhone กลายเป็นสินค้าที่เริ่มอิ่มตัว แต่ธุรกิจคลาวด์ของ Amazon สามารถเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักชนิดที่ Apple ไม่มี จุดนี้เห็นได้ชัดจากตัวเลขรายได้ไตรมาส 2 ซึ่งบริการคลาวด์ทำรายได้กว่า 55% ของกำไรจากการดำเนินงานของ Amazon คิดเป็น 20% ของรายได้รวม