ปณท ประกาศลดราคาอีเอ็มเอส ในประเทศ สำหรับสิ่งของฝากส่งที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 3-20 กก. หวังเรียกลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่ส่งสินค้าชิ้นใหญ่ เผยไม่กระทบรายได้ แต่จะช่วยให้ปริมาณการใช้บริการเพิ่มขึ้น หลังนำร่องไปเมื่อ เม.ย.-พ.ค. พบยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
นายพรชัย ฐีระเวช รองประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ได้ประกาศปรับอัตราค่าบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษหรือ EMS ในประเทศ เพื่อตอกย้ำการเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจขนส่ง ซึ่งคณะกรรมการบริษัทมีนโยบายให้ไปรษณีย์ไทยพัฒนาและยกระดับคุณภาพบริการ ก้าวสู่การเป็นไปรษณีย์ไทย 4.0 รวมทั้งต้องสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ รักษาฐานลูกค้า และสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
เป้าหมายของไปรษณีย์ไทยยังอยู่ที่การกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ลดต้นทุนการส่งสินค้า และช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการฝากส่ง ตลอดจนสร้างความคึกคักแก่เศรษฐกิจโดยรวมประเทศ ซึ่งบริการขนส่งด่วนในประเทศ มีการแข่งขันสูง และมีการเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 18% ในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ EMS ของไปรษณีย์ไทยเป็นบริการหลักที่สร้างรายได้ และมีปริมาณงานสูง และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไปรษณีย์ไทยจึงจำเป็นจะต้องรักษา และเพิ่มลูกค้าใหม่
ด้านนางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า ปกติลูกค้า ปณท จะส่งของที่มีน้ำหนักไม่เกิน 3 กก. เพราะราคาของ ปณท สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ แต่ถ้าเป็นของน้ำหนักเกิน 3 กก. ลูกค้าจะใช้บริการของคู่แข่งด้วยราคาที่ถูกกว่า
“ดังนั้น เราจึงทดลองลดราคาค่าบริการดังกล่าวลงตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.-30 มิ.ย. พบว่า ปริมาณการส่งเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค. มีถึง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” สมร ระบุ “และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบการให้บริการอีเอ็มเอสครบ 32 ปี เราจึงตอบแทนลูกค้าด้วยการลดราคาตลอดไป ซึ่งจะเริ่มปรับลดราคาเริ่มต้นที่ 5 บาท และลดสูงสุดที่ 115 บาท โดยมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 สำหรับน้ำหนัก 3-20 กก.”
ผู้สนใจสามารถใช้บริการได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งลูกค้ารายย่อยทั่วไป และลูกค้าองค์กร ซึ่งลูกค้าองค์กรสามารถเจรจาในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อรับส่วนลดเพิ่มได้อีกไม่เกิน 20%
สำหรับรายได้ 5 เดือนแรกของ ปณท พบว่า มีรายได้อยู่ที่ 12,158 ล้านบาท เติบโตเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 22 ล้านบาท ขณะที่กำไรอยู่ที่ 1,621 ล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ 40 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะมีรายได้เกิน 30,000 ล้านบาท กำไร 4,500 ล้านบาท
