สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นรวม 17 ประเทศ คือ เวทีที่บริการยูทูปมิวสิก (YouTube Music) และยูทูปพรีเมียม (YouTube Premium) จะเริ่มชิมลางตลาดตัวอย่างเป็นทางการ จุดพลุแข่งตรงกับสปอติฟาย (Spotify) และแอปเปิลมิวสิก (Apple Music) สนนราคาฟังฟรีไม่มีโฆษณาเริ่มที่ 9.99 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 326 บาทต่อเดือน
17 ประเทศที่จะเริ่มสัมผัสบริการ YouTube Music และ YouTube Premium ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เม็กซิโก, เกาหลีใต้, ออสเตรีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, นอร์เวย์, รัสเซีย, สเปน, สวีเดน และสหราชอาณาจักร โดยที่ผ่านมา YouTube Music เริ่มเปิดให้ผู้ใช้บางรายทดลองใช้ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้ทุกคนใน 17 ประเทศสามารถลองใช้งานได้เสรี
สำหรับ YouTube Music นั้นเป็นบริการสตรีมมิงแบบใหม่ที่ออกแบบใหม่ให้ผู้ใช้ฟังเพลงบน YouTube ได้เหมือนบริการสตรีมมิ่งเพลงทั่วไป YouTube ใช้วิธีสร้างแอปใหม่สด และจัดเรียงอินเทอร์เฟซสำหรับเดสก์ท็อปให้ผู้ใช้คลิกฟังเพลงได้โดยเฉพาะ ภายในไม่ได้มีเพลงเวอร์ชันปกติดั้งเดิมของศิลปิน แต่ยังมีเวอร์ชันแสดงสด และเพลงที่ศิลปินนำมาร้องใหม่อย่างไม่เป็นทางการ
จุดขายของ YouTube Music ยังอยู่ที่การค้นพบเพลง ระบบจะแนะนำเพลงใหม่ตามประวัติการฟัง สถานที่ และกิจกรรมของผู้ฟังอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการค้นหาแบบอัจฉริยะที่นำระบบ machine learning มาช่วยให้ machine learning สามารถเข้าใจ และแสดงผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ซึ่งระบบของ Spotify และ Apple Music อาจไม่เชี่ยวชาญเท่า
เช่นเดียวกับบริการสตรีมมิงเพลงอื่น YouTube Music เปิดให้ผู้ใช้เลือกฟังฟรีมีโฆษณา และแบบพรีเมียม YouTube Music Premium ที่ต้องชำระเงิน 9.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน แลกกับการไร้โฆษณา
ด้าน YouTube Premium นั้นแพงกว่า YouTube Music เล็กน้อยด้วยราคา 11.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน (391 บาท) แต่ YouTube Premium จะรวมทุกอย่างไว้มากกว่า YouTube Music เช่น ผู้ใช้อาจได้ฟังวิดีโอเบื้องหลัง และชมวิดีโออื่นบน YouTube แบบไม่มีโฆษณาทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้สิทธิเข้าถึงเนื้อหาลิขสิทธิ์เฉพาะของยูทูปอย่างยูทูปออริจินอลส์ (YouTube Originals) ซึ่งแม้ขณะนี้จะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่กูเกิล (Google) ยืนยันว่าจะมีการขยายให้เนื้อหากลุ่มนี้มีความเข้มข้นครอบคลุมกว่าเดิม
น่าเสียดายที่คนไทยไม่มีสิทธิ์ได้ทดลองฟัง YouTube Music ฟรี 3 เดือน ซึ่งเปิดให้บริการแล้วในขณะนี้ จุดนี้ผู้ใช้ทุกคนที่สมัครบริการ Google Play Music ในสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ หรือเม็กซิโกแล้ว จะได้รับสิทธิใช้บริการ YouTube Premium ได้เลยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม ขณะที่สมาชิก Google Play Music ในประเทศอื่นจะได้สิทธิใช้บริการ YouTube Music Premium แทน.