ภายหลังมรสุมระลอกใหญ่ที่ทีโอทีเจอมานานกับการรอเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทั้งคลื่น 2100 MHz กับเอไอเอส และ คลื่น 2300 MHz กับ ดีแทค ที่ต้องเผชิญได้สิ้นสุดลง ทำให้ทีโอทีมีแต้มต่อในการทำธุรกิจโมบายล์ต่อไป ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทีโอที 3G มีลมหายใจแผ่วเบารวยรินมาก ลูกค้ามีแค่หลักแสนราย เท่านั้น
การมีพันธมิตรทั้งเอไอเอสและดีแทค ในการพัฒนา 2 คลื่นดังกล่าว ทำให้ทีโอทีพร้อมแล้วที่จะรีแบรนด์ตัวเองจาก ทีโอที 3G เป็น "ทีโอที โมบายล์" (TOT Mobile) เพื่อลบภาพว่าทีโอทีให้บริการเฉพาะ 3G แต่ทีโอทีก็สามารถให้บริการได้หลากหลายคลื่นความถี่ มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุม และมี 4G ให้บริการเหมือนทุกค่าย
***ได้พันธมิตรพัฒนาเครือข่าย
"รังสรรค์ จันทร์นฤกุล" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจสื่อสารไร้สายของ ทีโอที ได้เปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ได้มีแค่ 3G หรือไม่สามารถขยายเครือข่ายได้ แต่เรามี 4G ด้วย และเครือข่ายเราก็จะขยายให้ครอบคลุมได้ทั่วประเทศเหมือนกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ ดังนั้นทีโอทีจึงรีแบรนด์บริการโมบายล์ใหม่จากเดิมคือ TOT 3G เป็น "TOT Mobile"
ในภาพรวมจะเป็นการทำธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกับพันธมิตรทั้งคลื่น 2100 MHz และคลื่น 2300 MHz โดยที่ผ่านมา ทีโอที ได้ลงนามเป็นพันธมิตร กับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ในการเช่าเครื่องและอุปกรณ์เพื่อให้บริการโทรคมนาคม และการใช้บริการข้ามโครงข่ายระบบ 2100 MHz เพื่อขยายพื้นที่การใช้บริการของลูกค้าของ ทีโอที ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีโอที ได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้บริการบนคลื่นความถี่ 2300 MHz กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค บนแบนด์วิดท์ที่กว้างถึง 60 MHz (2310 - 2370 MHz) ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด 4G LTE-TDD เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั้งบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตไร้สายประจำที่ (Fixed Wireless broadband) ซึ่งจะสามารถให้บริการครอบคลุมชุมชนหรือครัวเรือนต่างๆ ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ธุรกิจสื่อสารไร้สายของ ทีโอที มีความได้เปรียบทั้งในเรื่องของคลื่น 2100 MHz และโดยเฉพาะคลื่น 2300 MHz ซึ่งมีความจุที่มากที่สุด และเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดที่จะรองรับความต้องการใช้งานด้านดาต้าของลูกค้าทั้งความเร็วแรงและความจุ เป็นประสบการณ์ที่ไปอีกขั้นของในการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งจากรายงานการทดสอบการใช้งานจริง พบว่าสามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลมากกว่า 300 Mbps และเมื่อรวมเข้ากับเครือข่ายเสาสัญญาณซึ่งจะมีการขยายการติดตั้งก็จะทำให้พื้นที่การให้บริการลูกค้าของ ทีโอที ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
สำหรับการให้บริการนั้น ทีโอที จะใช้ความจุโครงข่ายของคลื่น 2100 MHz จำนวน 20% และคลื่น 2300 MHz จำนวน40% โดยจะทำตลาดผ่านผู้ให้บริการเสมือน (MVNO) และทำตลาดเองภายใต้แบรนด์ใหม่เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจสื่อสารไร้สาย
*** รุกตลาดทั้งโมบายล์-ฟิกซ์ บรอดแบนด์
ในปี 2561 ทีโอที จะรุกตลาดทั้งโมบายล์บรอดแบนด์ และ ฟิกซ์ ไวร์เลส บรอดแบนด์ สำหรับบริการโมบายบรอดแบนด์ ตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าในเขตเมืองโดยใช้กลยุทธ์เน้นการ บันเดิลกับบริการบรอดแบนด์ FTTx ของ ทีโอที ซึ่งครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นความต้องการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นตามเทรนด์เทคโนโลยีของ IoT ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าทั้ง TOT Mobile และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง TOT FTTx จะขยายตลาดสร้างส่วนแบ่งตลาดให้กับ ทีโอที
ส่วน บริการฟิกซ์ ไวร์เลส บรอดแบนด์ จะพัฒนาบริการเพื่อให้บริการกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ที่การให้บริการเคเบิลใยแก้วนำแสงไปไม่ถึง พื้นที่อาคารสูง คอนโดมีเนียม และรวมถึงพื้นที่ห่างไกล
*** คาดยังมี MVNO เพิ่ม
รังสรรค์ กล่าวว่า หากพูดถึงภาพรวมของธุรกิจแล้วการทำงานร่วมกับ MVNO ยังคงทำตลาดได้อยู่ เพราะเป็นการขายตลาดเฉพาะกลุ่ม ลูกค้าต้องการโซลูชั่นบางอย่างที่ค่ายใหญ่ทำให้ไม่ได้ ขณะที่ MVNO ต่างประเทศเองเขาก็สนใจเข้ามาร่วมธุรกิจเพราะเขาก็เห็นช่องว่าทำได้ ตัวอย่างเช่น ซิมสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นต้น
"แผนธุรกิจ 2300 MHz เราจะเน้นการทำตลาดในกรุงเทพฯก่อนจากนั้นค่อยขยายไปต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ตอนนี้เน้น 2100 MHz ไปก่อน เพราะว่าคุณภาพ 3G เราดีแล้วเทียบเท่ากับเอไอเอสแล้ว ตอนนี้เรามีลูกค้ากว่า 5 แสนเลขหมาย จากปีที่แล้วที่มีเพียงหลักแสนเลขหมาย โดยการเพิ่มขึ้นมาจาก MVNO ของเรา ด้วย และจะมีอีกหลายรายเตรียมเข้ามาเป็นพันธมิตรกับเราอย่างน้อย 2-3 ราย เพราะเขามั่นใจโครงข่ายของทีโอทีมากขึ้น คลื่น 2100 MHz เราก็ครอบคลุมการใช้งาน 80% ของประเทศแล้ว และก็จะมี คลื่น 2300 MHz ที่เป็น 4G อีก เราได้เตรียมถนนไว้ให้ MVNO ใช้อย่างเต็มที่ คาดว่าสิ้นปีจะแตะล้านรายอย่างแน่นอน จากเดิมที่มี MVNO อยู่แล้ว ประมาณ 4 ราย คือ เพนกวิน ,โมบายเอท, ล็อกซเล่ย์ และดาต้า ซีดีเอ็มเอ"
***แผน 2300 เน้นการบันเดิล
สำหรับโปรโมชั่นคลื่น 2300 MHz ที่ทีโอทีจะทำนั้น เราเน้นเป็นลักษณะเน็ตซิม เน้นบันเดิลกับบริการไฟเบอร์ของทีโอทีเพื่อให้บริการคู่กันเป็นไวไฟสำหรับลูกค้า เวลาอยู่บ้านก็ใช้ไฟเบอร์ ถ้าออกนอกบ้านก็ใช้เป็นไวไฟ ราคาเริ่มต้นที่ 390 บาท ขึ้นไป เพราะเป็นราคาเฉลี่ยปกติของคนเล่นเน็ตแต่จะได้สปีดที่แรงกว่า ทีโอทีมั่นใจว่าการทำตลาดเฉพาะกลุ่มของทีโอทียังคงเป็นไปได้ดี การมีลูกค้าองค์กรที่ต้องการได้ซิมพร้อมโซลูชั่น อย่างหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ สหกรณ์ครู ก็ยังมองหาทีโอทีอยู่ เพราะ "เราไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา"
การนำคลื่น 2300 MHz เข้าชนบทในพื้นที่ห่างไกล มีความเป็นไปได้ในการยิงสัญญาณแทนการใช้ไฟเบอร์เพื่อให้เร็วขึ้นได้ ทีโอทีอยากให้ประชาชนได้ใช้บริการที่ไม่ใช่ แค่รถสองแถว แต่อยากให้มีโอกาสได้ใช้บริการ 4G เหมือนนั่งรถบัสติดแอร์บ้าง
***เปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกในงาน TME
การห่างหายไปนานของบริการโมบายล์ของทีโอทีนั้น เนื่องมาจากที่ผ่านมา ทีโอที ไม่สามารถขยายโครงข่ายคลื่น 2100 MHz ที่เป็น 3G ได้ อีกทั้งมีเพียงคลื่นเดียวในการให้บริการโมบายล์ ดังนั้นเมื่อทีโอทีมีความพร้อมและรีแบรนด์ตัวบริการใหม่ ทีโอทีจึงใช้เวทีในงาน Thailand Mobile Expo 2018 เพื่อให้ประชาชนรับรู้ว่า ตอนนี้ทีโอที เปลี่ยนไปแล้ว
ทีโอที ได้จัดโปรพิเศษเฉพาะงานนี้ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้มีประสบการณ์การใช้บริการด้านดาต้าของ TOT Mobile โดยได้จัดแพ็กเกจสำหรับผู้สมัครใช้ซิมพรีเพด "โปรโมชั่น เพลิน-เพลิน" เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด เปิดซิมราคาเพียง 59 บาท รับฟรีเน็ต 2 Mbps ใช้ได้นาน 7 วัน ส่วนผู้ที่สมัครใช้ซิมรายเดือน Postpaid ภายในงานจะได้รับของสมมนาคุณ อาทิ ลำโพงบลูทูธ เมื่อสมัคร "โปร Infinite" / Power Bank เมื่อสมัคร "โปร Love Talk" และ "โปร Like Net" ค่าบริการรายเดือน 350 และ 450 บาท
"แม้เราจะไม่มีงบโฆษณาปูพรมแบบค่ายใหญ่ แต่การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มและใช้งบการตลาดที่ตรงจุด จะช่วยให้ทีโอที โมบายล์ ยังเดินหน้าไปได้ คาดว่าสิ้นปีนี้ธุรกิจโมบายล์จะทำได้ตามเป้ารายได้ 300-400 ล้านบาท" รังสรรค์ กล่าวทิ้งท้าย
