กลุ่มไอทีล็อกซเล่ย์ ปรับยุทธศาสตร์เน้นเทคโนโลยีอนาคต เตรียมลงทุนด้าน คลาวด์ และ อาร์แอนด์ดี กว่า 100 ล้านบาท หวังปั๊มรายได้ 3,600 ล้านบาท ในปีนี้
นายศักดิ์ณรงค์ แสงสง่าพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ดูแลกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากล็อกซเล่ย์ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ให้มีความชัดเจนขึ้น โดยแบ่งเป็น 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจไอที, กลุ่มธุรกิจเน็ตเวิร์กโซลูชั่น, กลุ่มธุรกิจบริการอาหารและการจัดจำหน่าย, กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจบริการ โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจไอที ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันการเติบโตของภาพรวมทั้งรายได้ และกำไร จะเห็นได้จากตัวเลขผลประกอบการในปี 2560 ซึ่งกลุ่มธุรกิจไอที สามารถทำรายได้ 3,200 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของรายได้รวมทั้งบริษัท 15,639 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 11% จากปี 2559 มีกำไร 90 ล้านบาท
สำหรับปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มธุรกิจไอทีเพิ่มขึ้นเป็น 3,600 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ การปรับยุทธศาสตร์ของกลุ่มบริษัทด้านไอทีทั้งหมดของล็อกซเล่ย์ ประกอบด้วย บริษัท ล็อกซบิท จำกัด (มหาชน) (Loxbit) บริษัท โปรเฟสชั่นนัล คอมพิวเตอร์ จำกัด (PCC) บริษัท เน็ทวัน เน็ทเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด (Net1) และ บริษัท ล็อกซเล่ย์ ออร์บิท จำกัด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และรวดเร็ว โดยเน้นยุทธศาสตร์ด้าน Cloud Development and Integration Services, Data Analytic and Big Data, Blockchain Technology, Cyber Security และสร้าง Data Gateway Platform ในการเชื่อมต่อ Transection ของภาคธุรกิจ
ในการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้กำหนดให้บริษัท ล็อกซบิท จำกัด (มหาชน) และบริษัท ล็อกซเล่ย์ ออร์บิท จำกัด ดูแลลูกค้าในกลุ่มธุรกิจการเงิน การธนาคาร และประกันภัย ส่วนบริษัท โปรเฟสชั่นนัล คอมพิวเตอร์ จำกัด ดูแลลูกค้าภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และธนาคารภาครัฐ ขณะที่บริษัท เน็ท-วัน เน็ทเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจด้าน Network Security และ Cyber Security โดยเน้นจุดเด่นด้านมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO9001, CMMI, ISO29110, ISO20000, ISO27001, ITIL และมีแผนจะเพิ่มจำนวน Certification จาก 600 เป็น 1,000 Certification เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในบริการจากบุคลากรที่มีความสามารถ
สำหรับจุดแข็งของกลุ่มธุรกิจไอทีล็อกซเล่ย์ คือ มีบุคลากรที่ได้รับใบรับรองด้านไอทีครอบคลุมทุกสาขาการให้บริการทำให้สามารถให้บริการครอบคลุมทุกระบบที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนการลงทุนด้านคลาวด์ และ อาร์แอนด์ดี อีก 100 ล้านบาท เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ตอบสนองบริการต่อลูกค้าเดิมเฉพาะกลุ่มที่บริษัทมีอยู่แล้ว เช่น เทคโนโลยี IoT, การวิเคราะห์ข้อมูล, บิ๊กดาต้า, เอไอ และบล็อกเชน เป็นต้น ซึ่งภายใน 3 ปี สัดส่วนรายได้จากการขายฮาร์ดแวร์จะลดลงจาก 60% เป็น 40% และรายได้จากบริการจะเพิ่มเป็น 60%
นายศักดิ์ณรงค์ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยอื่นๆที่จะช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจไอทีสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ 3,600 ล้านบาทในปีนี้ คือ บริษัทมีรายได้ประจำมากกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมาจากงานซ่อมบำรุงประจำปีให้กับลูกค้าเดิม การให้บริการเอาท์ซอร์สด้านไอที งานปรับปรุงระบบและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไอที รวมถึงการสร้างงานใหม่ๆ จากฐานลูกค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อีก 2,200 ล้านบาท และยังมีงานตามแผนประมูลที่เป็น High potential มากกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเนชั่นแนล อี-เพย์เมนต์ ของกระทรวงการคลัง ทำให้เชื่อมั่นได้ว่า กลุ่มธุรกิจไอทีของล็อกซเล่ย์ จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน