ปลัดดีอี เผย พร้อมช่วยกำกับดูแลอย่างเต็มที่ หลังเชิญตัวแทน ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้ง 2 บริษัทลูก NBN และ NGDC แต่คงชะลอการดำเนินการไม่ได้ ชี้เข้าใจปัญหาทั้งหมด และพร้อมนำกลับมาหาทางออกร่วมกัน เพื่อเสนอ สคร. เป็นมติที่ชัดเจนต่อไป ยันการตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง ไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตามมติผู้ถือหุ้นคือกระทรวงการคลังในการตัดสินใจ ด้านสหภาพฯ ทีโอที-กสท โทรคมนาคม จับมือ สรส. ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง และเดินเท้าเข้าทำเนียบ เพื่อขอให้ยุติการโอนทรัพย์สิน
ปลัดดีอี เผย พร้อมช่วยกำกับดูแลอย่างเต็มที่ หลังเชิญตัวแทน ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้ง 2 บริษัทลูก NBN และ NGDC แต่คงชะลอการดำเนินการไม่ได้ ชี้เข้าใจปัญหาทั้งหมด และพร้อมนำกลับมาหาทางออกร่วมกัน เพื่อเสนอ สคร. เป็นมติที่ชัดเจนต่อไป ยันการตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง ไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตามมติผู้ถือหุ้นคือกระทรวงการคลังในการตัดสินใจ ด้านสหภาพฯ ทีโอที-กสท โทรคมนาคม จับมือ สรส. ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง และเดินเท้าเข้าทำเนียบ เพื่อขอให้ยุติการโอนทรัพย์สิน
ปลัดดีอี เผย พร้อมช่วยกำกับดูแลอย่างเต็มที่ หลังเชิญตัวแทน ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้ง 2 บริษัทลูก NBN และ NGDC แต่คงชะลอการดำเนินการไม่ได้ ชี้เข้าใจปัญหาทั้งหมด และพร้อมนำกลับมาหาทางออกร่วมกัน เพื่อเสนอ สคร. เป็นมติที่ชัดเจนต่อไป ยันการตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง ไม่ได้ใช้ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตามมติผู้ถือหุ้นคือกระทรวงการคลังในการตัดสินใจ ด้านสหภาพฯ ทีโอที-กสท โทรคมนาคม จับมือ สรส. ยื่นหนังสือต่อกระทรวงการคลัง และเดินเท้าเข้าทำเนียบ เพื่อขอให้ยุติการโอนทรัพย์สิน
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังการชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) บริษัทลูกของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co.) ว่า เมื่อได้รับฟังปัญหาของการตั้งบริษัทลูกทั้งสองแล้ว จากนี้ จะให้คณะทำงานขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนผ่านไปยัง 2 บริษัทลูก โดยจะเร่งทำรายงานเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อลงเป็นมติในการสร้างความชัดเจนในการบริหารจัดการอย่างมีหลักการ และอุดช่องโหว่ที่บริษัทแม่กังวลลงได้ โดยกระทรวงดีอี รับปากว่า จะกำกับดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่คงไม่สามารถหยุดการจัดตั้งบริษัทได้ ต้องเป็นเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจ เพราะทั้งสองบริษัทต่างก็เริ่มดำเนินการมาแล้ว เข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านทุกองค์กรย่อมมีปัญหา แต่สามารถขยายเวลาเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านดีที่สุดได้
สำหรับข้อกังวลที่ตัวแทน กสท โทรคมนาคม เสนอมานั้น เช่น การลงทุนที่ซ้ำซ้อน ที่ไม่มีสิ่งไหนยืนยันได้ว่าในอนาคตจะเกิดขึ้น และคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน, ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างค่าธรรมเนียม USO ที่ต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมถึงแผนธุรกิจที่ชัดเจน บริษัทไหนจะเป็นผู้ลงทุน และหลักเกณฑ์ในการเข้าประมูลงานของบริษัทแม่ จะทำได้หรือไม่ ในเมื่อระเบียบภาครัฐระบุว่า ต้องเป็นบริษัทที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง แต่บริษัทแม่ไม่มี เพราะไปอยู่ที่บริษัทลูก เป็นต้น คณะทำงานต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในการสร้างความชัดเจน โดยตนต้องเชิญตัวแทนของบริษัทแม่เข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมกันด้วย
“เราเข้าใจในธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร อุปสรรคอยู่ตรงไหนเราจะช่วย เราเคยอยู่ในอุตสาหกรรมก๊าซ และพลังงานมาก่อน เขาทำมาแล้ว ถามว่า เขาขายให้เอกชนได้ไหม เขาขายไม่ได้ เพราะมันไม่มีใครทำได้ ” ปลัดกระทรวงดีอี กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังได้แจกเอกสารยืนยันว่า การตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากการตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น เป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง โดยการโอนทรัพย์สินโครงข่ายภายในประเทศ โครงข่ายระหว่างประเทศให้ NBN และ NGDC ซึ่งสามารถทำได้ตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างกิจการ เพื่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพ ได้รับการยกเว้นให้ NBN และ NGDC ทำธุรกิจที่เป็นภารกิจหลักของบริษัทแม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดตั้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558 และกระทรวงฯ ได้แจ้งเวียนให้บริษัทแม่ทราบ และถือปฏิบัติแล้ว
ขณะเดียวกัน การจัดตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 เหมือนตอนแปลงสภาพองค์การโทรศัพท์เป็นทีโอที และการสื่อสารแห่งเป็นประเทศไทย เป็น กสท โทรคมนาคม เพราะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ ต่างจาก ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว การตั้ง NBN และ NGDC ดำเนินการโดยใช้หลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ การโอนทรัพย์สินโครงข่ายของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ไปยัง NBN และ NGDC จึงใช้มติผู้ถือหุ้น คือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นทีโอที และ กสท โทรคมนาคม 100%
ด้านสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ได้ร่วมเดินทางกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ไปยังกระทรวงการคลัง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่พบ และไม่มีผู้ใดที่เป็นระดับผู้บริหารมารับหนังสือ จนกระทั่งเวลา 13.30 น. มีเพียงตัวแทนของกระทรวงมารับหนังสือไว้เท่านั้น แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะหยุดการโอนทรัพย์สินในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ทำให้ในช่วงเวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุมทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป โดยตัวแทน สรส. กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่มีสิทธิ หรืออำนาจ ในการโอนหุ้นให้บริษัทลูก และไม่เข้าใจว่า ใช้กฎหมายข้อไหนในการโอนทรัพย์สินของประเทศชาติไปให้บริษัทลูก เมื่อมายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังแล้วไม่ได้คำตอบ ผู้ชุมนุมจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าทำเนียบเพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังการชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) บริษัทลูกของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co.) ว่า เมื่อได้รับฟังปัญหาของการตั้งบริษัทลูกทั้งสองแล้ว จากนี้ จะให้คณะทำงานขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนผ่านไปยัง 2 บริษัทลูก โดยจะเร่งทำรายงานเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อลงเป็นมติในการสร้างความชัดเจนในการบริหารจัดการอย่างมีหลักการ และอุดช่องโหว่ที่บริษัทแม่กังวลลงได้ โดยกระทรวงดีอี รับปากว่า จะกำกับดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่คงไม่สามารถหยุดการจัดตั้งบริษัทได้ ต้องเป็นเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจ เพราะทั้งสองบริษัทต่างก็เริ่มดำเนินการมาแล้ว เข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านทุกองค์กรย่อมมีปัญหา แต่สามารถขยายเวลาเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านดีที่สุดได้
สำหรับข้อกังวลที่ตัวแทน กสท โทรคมนาคม เสนอมานั้น เช่น การลงทุนที่ซ้ำซ้อน ที่ไม่มีสิ่งไหนยืนยันได้ว่าในอนาคตจะเกิดขึ้น และคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน, ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างค่าธรรมเนียม USO ที่ต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมถึงแผนธุรกิจที่ชัดเจน บริษัทไหนจะเป็นผู้ลงทุน และหลักเกณฑ์ในการเข้าประมูลงานของบริษัทแม่ จะทำได้หรือไม่ ในเมื่อระเบียบภาครัฐระบุว่า ต้องเป็นบริษัทที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง แต่บริษัทแม่ไม่มี เพราะไปอยู่ที่บริษัทลูก เป็นต้น คณะทำงานต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในการสร้างความชัดเจน โดยตนต้องเชิญตัวแทนของบริษัทแม่เข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมกันด้วย
“เราเข้าใจในธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร อุปสรรคอยู่ตรงไหนเราจะช่วย เราเคยอยู่ในอุตสาหกรรมก๊าซ และพลังงานมาก่อน เขาทำมาแล้ว ถามว่า เขาขายให้เอกชนได้ไหม เขาขายไม่ได้ เพราะมันไม่มีใครทำได้ ” ปลัดกระทรวงดีอี กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังได้แจกเอกสารยืนยันว่า การตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากการตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น เป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง โดยการโอนทรัพย์สินโครงข่ายภายในประเทศ โครงข่ายระหว่างประเทศให้ NBN และ NGDC ซึ่งสามารถทำได้ตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างกิจการ เพื่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพ ได้รับการยกเว้นให้ NBN และ NGDC ทำธุรกิจที่เป็นภารกิจหลักของบริษัทแม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดตั้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558 และกระทรวงฯ ได้แจ้งเวียนให้บริษัทแม่ทราบ และถือปฏิบัติแล้ว
ขณะเดียวกัน การจัดตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 เหมือนตอนแปลงสภาพองค์การโทรศัพท์เป็นทีโอที และการสื่อสารแห่งเป็นประเทศไทย เป็น กสท โทรคมนาคม เพราะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ ต่างจาก ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว การตั้ง NBN และ NGDC ดำเนินการโดยใช้หลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ การโอนทรัพย์สินโครงข่ายของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ไปยัง NBN และ NGDC จึงใช้มติผู้ถือหุ้น คือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นทีโอที และ กสท โทรคมนาคม 100%
ด้านสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ได้ร่วมเดินทางกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ไปยังกระทรวงการคลัง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่พบ และไม่มีผู้ใดที่เป็นระดับผู้บริหารมารับหนังสือ จนกระทั่งเวลา 13.30 น. มีเพียงตัวแทนของกระทรวงมารับหนังสือไว้เท่านั้น แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะหยุดการโอนทรัพย์สินในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ทำให้ในช่วงเวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุมทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป โดยตัวแทน สรส. กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่มีสิทธิ หรืออำนาจ ในการโอนหุ้นให้บริษัทลูก และไม่เข้าใจว่า ใช้กฎหมายข้อไหนในการโอนทรัพย์สินของประเทศชาติไปให้บริษัทลูก เมื่อมายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังแล้วไม่ได้คำตอบ ผู้ชุมนุมจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าทำเนียบเพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังการชี้แจงทำความเข้าใจในการตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN Co.) บริษัทลูกของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC Co.) ว่า เมื่อได้รับฟังปัญหาของการตั้งบริษัทลูกทั้งสองแล้ว จากนี้ จะให้คณะทำงานขับเคลื่อนไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนผ่านไปยัง 2 บริษัทลูก โดยจะเร่งทำรายงานเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อลงเป็นมติในการสร้างความชัดเจนในการบริหารจัดการอย่างมีหลักการ และอุดช่องโหว่ที่บริษัทแม่กังวลลงได้ โดยกระทรวงดีอี รับปากว่า จะกำกับดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่คงไม่สามารถหยุดการจัดตั้งบริษัทได้ ต้องเป็นเรื่องที่รัฐบาลตัดสินใจ เพราะทั้งสองบริษัทต่างก็เริ่มดำเนินการมาแล้ว เข้าใจว่าการเปลี่ยนผ่านทุกองค์กรย่อมมีปัญหา แต่สามารถขยายเวลาเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านดีที่สุดได้
สำหรับข้อกังวลที่ตัวแทน กสท โทรคมนาคม เสนอมานั้น เช่น การลงทุนที่ซ้ำซ้อน ที่ไม่มีสิ่งไหนยืนยันได้ว่าในอนาคตจะเกิดขึ้น และคาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน, ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างค่าธรรมเนียม USO ที่ต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า รวมถึงแผนธุรกิจที่ชัดเจน บริษัทไหนจะเป็นผู้ลงทุน และหลักเกณฑ์ในการเข้าประมูลงานของบริษัทแม่ จะทำได้หรือไม่ ในเมื่อระเบียบภาครัฐระบุว่า ต้องเป็นบริษัทที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง แต่บริษัทแม่ไม่มี เพราะไปอยู่ที่บริษัทลูก เป็นต้น คณะทำงานต้องมาทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในการสร้างความชัดเจน โดยตนต้องเชิญตัวแทนของบริษัทแม่เข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมกันด้วย
“เราเข้าใจในธุรกิจว่าจะเป็นอย่างไร อุปสรรคอยู่ตรงไหนเราจะช่วย เราเคยอยู่ในอุตสาหกรรมก๊าซ และพลังงานมาก่อน เขาทำมาแล้ว ถามว่า เขาขายให้เอกชนได้ไหม เขาขายไม่ได้ เพราะมันไม่มีใครทำได้ ” ปลัดกระทรวงดีอี กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงดีอี ยังได้แจกเอกสารยืนยันว่า การตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากการตั้ง 2 บริษัทลูกนั้น เป็นการจัดตั้งบริษัทในเครือของบริษัทแม่เอง โดยการโอนทรัพย์สินโครงข่ายภายในประเทศ โครงข่ายระหว่างประเทศให้ NBN และ NGDC ซึ่งสามารถทำได้ตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างกิจการ เพื่อให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพ ได้รับการยกเว้นให้ NBN และ NGDC ทำธุรกิจที่เป็นภารกิจหลักของบริษัทแม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดตั้งดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2558 และกระทรวงฯ ได้แจ้งเวียนให้บริษัทแม่ทราบ และถือปฏิบัติแล้ว
ขณะเดียวกัน การจัดตั้ง 2 บริษัทลูกไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 เหมือนตอนแปลงสภาพองค์การโทรศัพท์เป็นทีโอที และการสื่อสารแห่งเป็นประเทศไทย เป็น กสท โทรคมนาคม เพราะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ ต่างจาก ทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ที่เป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว การตั้ง NBN และ NGDC ดำเนินการโดยใช้หลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุน และการกำกับดูแลบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ การโอนทรัพย์สินโครงข่ายของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ไปยัง NBN และ NGDC จึงใช้มติผู้ถือหุ้น คือกระทรวงการคลังที่ถือหุ้นทีโอที และ กสท โทรคมนาคม 100%
ด้านสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทีโอที และ กสท โทรคมนาคม ได้ร่วมเดินทางกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ไปยังกระทรวงการคลัง ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่ไม่พบ และไม่มีผู้ใดที่เป็นระดับผู้บริหารมารับหนังสือ จนกระทั่งเวลา 13.30 น. มีเพียงตัวแทนของกระทรวงมารับหนังสือไว้เท่านั้น แต่ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะหยุดการโอนทรัพย์สินในวันที่ 1 เม.ย. นี้ ทำให้ในช่วงเวลา 15.00 น. ผู้ชุมนุมทั้งหมดจึงเดินเท้าเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป โดยตัวแทน สรส. กล่าวว่า กระทรวงการคลังไม่มีสิทธิ หรืออำนาจ ในการโอนหุ้นให้บริษัทลูก และไม่เข้าใจว่า ใช้กฎหมายข้อไหนในการโอนทรัพย์สินของประเทศชาติไปให้บริษัทลูก เมื่อมายื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังแล้วไม่ได้คำตอบ ผู้ชุมนุมจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าทำเนียบเพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว